หลังจากที่มีผู้ร้องเรียนว่า มีคนมาแอบอ้าง เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หรือ บิ๊กโจ๊ก รับเงินซื้อขายตำแหน่งของข้าราชการตำรวจในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ในการแต่งตั้งประจำปี พ.ศ.2560 ระดับชั้นสัญญาบัตร และระดับรองสารวัตร ถึงระดับชั้นประทวน มูลค่าความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท
วันนี้ (21 พ.ค.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลังจากที่ได้รับทราบข้อมูลที่ผู้เสียหายมาแจ้งความ เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาตามพักอาศัยอยู่บริเวณ สุขไทยอพาร์ทเมนท์ ซอยอ่อนนุช 46 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร จึงวางกำลังเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งพบผู้ต้องหาเดินออกมาจากที่พักจึงทำการจับกุมและตรวจค้นผู้ต้องหาพบของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับ
สำหรับผู้ต้องหาที่แอบอ้าง เป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ คือนายไพจิตร์ สายยา พฤติการณ์ คือ โทรศัพท์ และอ้างตัวเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พูดคุยกับผู้เสียหายเรื่อยมาจนกระทั่งกลางปี พ.ศ. 2560 ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโดยสนิทใจว่า บุคคลที่คุยด้วยนั้น คือ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล จริง ต่อมาก่อนที่จะมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี พ.ศ.2560 ผู้ต้องหาได้อ้างว่า สามารถโยกย้ายให้ข้าราชการตำรวจไปดำรงตำแหน่งในระดับสูงขึ้น หรือ ย้ายไปอยู่ในพื้นที่ๆต้องการได้ตามที่ต้องการ โดยมีการตกลงกันระหว่างผู้ต้องหา และผู้เสียหายว่าจะต้องจ่ายเงินค่ามัดจำเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งก่อน ของแต่ละคนตามที่ได้ตกลงกันไว้
เมื่อคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสองมีผลแล้ว ปรากฏว่าผู้เสียหายทั้ง 6 ราย ไม่ได้โยกย้ายตามที่ตกลงกันไว้ ผู้เสียหายทั้ง 6 ราย จึงทวงถามไปยังผู้ต้องหา กลับได้คำตอบว่า ต้องรอคำสั่งในวาระหน้าจะดำเนินการให้ได้อย่างแน่นอน แต่ไม่มีการคืนเงินทั้งหมดให้ผู้เสียหายแต่อย่างใด เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 6 ราย เกิดความสงสัยในตัวผู้ต้องหาว่าเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล จริงหรือไม่ จึงได้มาแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์ที่ สภ.ศรีสงครามจ.นครพนม
โดยผู้เสียหายรายหนึ่งชื่อ เป้ ได้ให้ ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายได้ใช้บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นายไพจิตร์ สายยา เลขที่บัญชี 020117110203 เพื่อใช้รับเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานมอบให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนครพนม ตามหมายจับ ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 ข้อหา “ ฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น ” และในส่วนความผิดส่วนบุคคล ซึ่งมี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นผู้เสียหายในข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 “ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สำหรับมีมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 6 ราย รายที่ 1 เสียหาย 510,000 บาท รายที่ 2 เสียหาย 500,000 บาท รายที่ 3 เสียหาย 2,500,000 บาท รายที่ 4 เสียหาย 100,000 บาท รายที่ 5 เสียหาย 500,000 บาท และรายที่ 6 เสียหาย 100,000 บาท รวมมูลค่าเสียหายกว่า 4 ล้านบาท