สรุป 10 ข่าวอาชญากรรมแห่งปี 2563 ไบรท์ทูเดย รวบรวม 10 อันดับข่าวระทึกขวัญที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี หรือ ปีหนูไฟ
อันดับที่ 10 : ยิงหมอชุมพล
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 63 นายแพทย์ชุมพล เตชะอำไพ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ถูกคนร้ายปลอมตัวเป็นคนไข้ บุกยิงเสียชีวิตภายในคลินิกแพทย์ชุมพล จ.เพชรบุรี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้จับกุม นายเด่นภูมิ สังข์ทอง อายุ 22 ปี ได้ที่ห้องพักเลขที่ 19 โรงแรมโนอาร์ ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พร้อมอาวุธปืนเถื่อนขนาด 9 มม.
จากการสอบสวนนายเด่นภูมิ ให้การสาเหตุที่ยิง นพ.ชุมพล ว่า ไม่พอใจการให้บริการของเจ้าหน้าที่ รพ.พระจอมเกล้า เคยเขียนข้อเสนอแนะร้องเรียนมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงสะสมความไม่พอใจและสืบจนทราบว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เปิดคลินิกในที่เกิดเหตุ
อันดับที่ 9 : จิตรลดากลับมาแทงเด็ก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 63 เป็ด – จิตรลดา ตันติวณิชยสุข หญิงสาวไว้ผมทรงหน้าม้า มีอาการทางประสาทวัย 51 ปี เพิ่งออกจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ได้เพียง 1 สัปดาห์ ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเด็กหญิงวัย 4 ขวบ เสียชีวิต ภายในร้านอาหารตามสั่ง ใน อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
สำหรับ จิตรลดา เคยก่อเหตุใช้มีดไล่แทงเด็กนักเรียนหญิงอย่างเลือดเย็น ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2548 ก่อนถูกจับกุมและศาลพิพากษา จำคุก 8 ปี แต่เธอรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 4 ปี พร้อมส่งตัวไปบำบัดอาการทางจิต
อันดับที่ 8 : หึงโหดยิงแฟนกลางคลินิก
18 ก.พ. 63 เกิดเหตุระทึกขวัญกลางกรุง หนุ่มหึงโหดบุกยิงแฟนสาวเสียชีวิตคาคลินิกในห้างดังย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานชัดเจน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนที่ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต ส่วนข้อหาอื่น ๆ จำคุก 4 ปี รวมโทษทั้งหมดแล้วให้ประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่บิดาผู้ตาย จำนวน 171,600 บาท ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่มารดาผู้ตาย จำนวน 249,600 บาท และค่าปลงศพอีก 100,00 บาท
อันดับที่ 7 : ยิง 5 ศพกลางกรุง
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นกลางกรุง ตำรวจ สน.ทุ่งครุ รับแจ้งเหตุยิงกันตายยกครัวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนครุในที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น เปิดกิจการค้าน้ำยาเคมีและผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 5 ศพ ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นเด็ก 9 ขวบ จากการสอบสวนของตำรวจพบว่ากิจการขาดทุนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อันดับที่ 6 : น้องกานต์ หายตัว ก่อนพบเป็นศพกลางป่า
สำหรับคดีน้องกานต์ เด็กวัย 6 ขวบ หายออกจากบ้านที่บ้านโป่งแรด ต.พลับพลา อ.เมืองจันทบุรี ตั้งแต่ 4 ก.ค. 63 จากนั้นผ่านไปแค่ 2 วัน (6 ก.ค.) พบศพน้องกานต์ในสภาพร่างเหลือครึ่งท่อนบน ไม่มีอวัยวะลำไส้ เหลือเพียงปอดและตับเท่านั้น ส่วนท่อนล่างหายไปทั้งหมด
ซึ่งผลชันสูตรศพน้องกานต์ ไม่สามารถระบุสาเหตุการตายได้ ซึ่งการตายอาจถูกสัตว์มีพิษ เช่น งูพิษกัด แต่ไม่ใช่การถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน
อันดับที่ 5 : ยิงกันบ่อนพระรามสาม
เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 4 ศพ บริเวณบ่อนแห่งหนึ่งย่านพระราม 3 ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ จำนวน 4 ชั้น ดัดแปลงบริเวณชั้น1 เป็นโถง เปิดเป็นบ่อนการพนัน มีประตูเข้าออกอย่างมิดชิด
โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สว.สอบสวน สน.แสมดำ มีชื่อเล่นแม็กซ์ เป็น นรต.รุ่น 65 นอนเสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ
ความคืบหน้าเหตุยิงกันดับ 4 ศพ มีตำรวจตายคาบ่อนพระราม 3 เมื่อเวลา 23.30 น. คืนวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.อาวุธ แก้วมณี สว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ รับแจ้งเหตุยิงกันภายในอาคารพาณิชย์ พระราม 3 ซอย 66 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา มีผู้เสียชีวิตหลายราย จึงแจ้งผู้บังคับบัญชา ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์โรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
อันดับที่ 4 : คลั่งแทงคอกลางสี่แยกไฟแพง จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 63 หรือ วันพ่อแห่งชาติ เกิดเหตุระทึก หนุ่มเมายาเสพติดใช้อาวุธมีคมแทงคอนักศึกษาสาวบริเวณถนนศรีชมชื่น หลังเรือนจำกลาง จ.อุดรธานี และพยายามใช้อาวุธทำร้ายชาวบ้านที่ขี่รถจักรยานยนต์ผ่าน
โดยตำรวจ กู้ภัย ใช้เวลาไล่จับหนุ่มคลั่งรายนี้ ก่อนรวบได้สำเร็จพบว่าเสพยาบ้าจนหลอนแล้วมาเที่ยวงานทุ่งศรีเมือง และทำงานเป็นมือเชือดหมูในโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่ง
สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร
อันดับที่ 3 : ครูกอล์ฟ ปล้นทองลพบุรี
เรื่องราวระทึกขวัญเมื่อ ผอ.กอล์ฟ หรือ ประสิทธิชัย เขาแก้ว ก่อเหตุปล้นร้านทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 63 พร้อมทั้งกราดยิงประชาชนและพนักงานในร้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน ได้ทองคำรูปพรรณ น้ำหนัก 26 บาท 2 สลึง มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท
โดยคดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในตอนนั้นลงพื้นที่ประชุมกับตำรวจทีมสืบสวนก่อนยื่นขออนุมัติศาลจังหวัดลพบุรี เพื่อออกหมายจับนายประสิทธิชัย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 63 ศาลอาญาตัดสินประหารชีวิต อดีต ผอ.กอล์ฟ ชี้ข้ออ้างอารมณ์ชั่ววูบฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมีการเตรียมการที่จะกระทำผิด ถือเป็นภัยร้ายแรง คุกคามต่อสังคม
อันดับที่ 2 : ทหารคลั่ง กราดยิงโคราช
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 กลายเป็นข่าวที่ประชาชนทั่วประเทศให้ความสนใจเมื่อ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา ใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาและญาติถึงแก่ความตาย แล้วหลบหนีเข้ามาในตัวเมือง กราดยิงผู้คนตามรายทาง ก่อนเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 โคราช
จากนั้นจับประชาชนในห้างเป็นตัวประกันจำนวนมาก พร้อมไลฟ์สดเฟซบุ๊กขณะก่อเหตุสร้างความสะเทือนใจให้กับญาติและคนในสังคมไทยจำนวนมาก
ต่อมาจ่าสิบเอกจักรพันธ์ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมในช่วงเช้าวันที่ 9 ก.พ. ภายในห้องเย็นบริเวณชั้นใต้ดินของห้าง สรุปมีผู้เสียชีวิต 31 คน บาดเจ็บ 57 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 32 คน ถือว่าเป็นเหตุกราดยิงเลวร้ายที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย
อันดับที่ 1 : น้องชมพู่ บ้านกกกอก
กลายเป็นเรื่องราวที่ประชาชนให้ความสนใจตลอดหลายเดือนใน คดีน้องชมพู่ เสียชีวิตปริศนาบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก 2 กิโลเมตร ในพื้นที่บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้
กระแสสังคมจับตาอย่างหนักไปที่ครอบครัวของน้องชมพู่ อาทิ พ่อ แม่ พี่สาว ลุงพล ป้าแต๋น และญาติคนอื่นๆ เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดน้องชมพู่มากที่สุด จนทำให้ทัวร์ลงอย่างหนักเพราะทุกคนในครอบครัวดูมีพิรุธจากคดีนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 63 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้า คดีน้องชมพู่ คดีนี้แม้จะมีพยานหลักฐานหลายอย่าง แต่ไม่สามารถชี้ชัดไปที่ใครได้
“คดีนี้แม้ใช้เวลาสืบสวนสอบสวนและมีพยานหลักฐานประมวลเหตุการณ์ได้ครบถ้วนและละเอียด แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของผู้ก่อเหตุได้ สิ่งที่ ผบ.ตร.ยืนยัน คือ น้องชมพู่ไม่น่าเสียชีวิตเอง แต่ก็ไม่สามารถหาพยานหลักฐานระบุชัดได้ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใคร เพื่อให้ตรงกับผู้ต้องสงสัย”