หน.น่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ชี้ จุดเริ่มต้น โควิด-19 พบมาจากค้างคาว ที่เป็นสัตว์ทนทานแม้จะรวมไวรัสแปลกๆในร่างกาย เตือนสติ ไม่ควรโทษสัตว์ แต่เป็นมนุษย์เองที่กินไม่เลือก!
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หรือ “ดร.กุ้ง” หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว “Kanita Ouitavon” ระบุถึงที่มาของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า “จุดเริ่มต้นของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) เท่าที่มีการศึกษาพบว่ามาจาก “ค้างคาว” สัตว์ป่าผู้ทานทน ผู้ไม่เคยเป็นอะไรแม้ว่าตัวเองจะเป็นแหล่งรวมเชื้อไวรัสแปลกๆ มากมาย นับตั้งแต่ซาร์ส เมอร์ส นิปาห์ มาจนถึงโควิดที่รุกรานชาวโลกอยู่เวลานี้ …การระบาดของเชื้อมาสู่คนได้จะต้องมีตัวกลาง และผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกลางโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในคราวนี้ก็คือ งูเห่าจีน งูสามเหลี่ยมจีน ซึ่งเป็นผู้กินค้างคาว เลยไปจนถึง “ตัวนิ่ม” ที่คนจีนนิยมบริโภค ซึ่งได้มีการศึกษาเชื้อไวรัสในสัตว์นี้โดยถอดรหัส RNA แล้วพบว่ามีความใกล้เคียงกับไวรัสโคโรน่ามาก
ความจริงแล้วเชื้อไวรัสชนิด RNA มันก็มีความสามารถในการกลายพันธุ์โดยการข้ามสายพันธุ์หรือชนิดพันธุ์ได้ง่ายอยู่แล้ว มันอยู่เป็นอิสระไม่ได้นาน จำเป็นต้องอาศัย host ในการแพร่เผ่าพันธุ์ ดังนั้น host เป้าหมายในตลาดสดที่มีสัตว์ป่านานาชนิดที่ยังมีชีวิตอยู่และพร้อมจะถูกแล่เนื้อขาย ก็เป็น “แหล่งตั้งประชากร” ของเชื้อไวรัสโคโรน่าชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี เชื้ออยู่ได้สบายในสารคัดหลั่ง น้ำลาย เลือด เครื่องใน ตับ ม้ามฯ ก็มีหมด
ก็ลองดูเองว่าแม่ค้าผู้แล่เนื้อโดนเลือด และผู้ซื้อที่เดินย่ำตลาดไปในดงเลือด และผู้กินที่บางทีก็ชอบเปิบสด หรือกินสุกๆดิบๆ (คือไม่สุกนั่นเอง) จะรอดจากเชื้อไวรัสโคโรน่าไปได้อย่างไร? นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยน host จากสัตว์ป่ามาสู่คน โดยการพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 กลุ่มแรกเป็นคนงานและลูกค้าของตลาดค้าสัตว์ป่า Huanan ในเมืองอู่ฮั่น
เราไม่ควรโทษสัตว์ป่าตัวกลางใดใดเลย… การเอาชีวิตของเขามาซื้อขาย และแล่เนื้อเถือหนังกินนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมกับพวกเค้ามากพอแล้ว แต่ควรจะโทษพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติของมนุษย์มากกว่า ความผิดปกติในวัฒนธรรมการกินที่ทำลายล้างธรรมชาตินี้ดำเนินมายาวนาน..จนมาถึงจุดสะท้อนกลับที่ธรรมชาติต้องเอาคืนมนุษย์บ้างแล้วแบบที่เห็นกันอยู่ตอนนี้… นี่คือจุดเปลี่ยนที่มนุษย์จะเพิกเฉยไม่ได้อีกต่อไป มนุษย์ต้องปรับตัวเข้าสู่ความปกติที่ควรเป็น กินอาหารที่ควรกิน และไม่ทำลายสิ่งที่ควรต้องรักษาไว้ในระบบธรรมชาติ
นี่คือบทเรียนราคาแพงของโลกและมนุษยชาติ… เราไม่ควรถอยหลังกลับไปสู่สิ่งที่เคยทำผิดพลาดอีก เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจเหลือน้อยลง หรืออาจจะไม่เหลือเลยก็ได้ หากเรายังเดินหน้าทำแบบเดิมๆ ไม่ยอมหยุด
ข้าพเจ้าขอหวังสูงที่สุดว่า..นับจากนี้ไปขออย่าได้เห็นชาวโลกไม่ว่าที่ใดก็ตามกินเนื้อสัตว์ป่าที่ไม่ควรกิน ที่ไม่ใช่อาหารปกติของมนุษย์อีก ไม่ว่าจะเป็น ค้างคาว ลิ่น ชะมด หมี เสือ แรด ช้าง งู แม้แต่หมา แมว ฯลฯ อย่างน้อยก็เพื่อมนุษยธรรม การปรับสมดุลของโลกคราวนี้มีความรุนแรง หากมนุษย์ยอมจำนน ในท่ามกลางสิ่งที่แตกหักพังไป ..เราจะได้โลกใบใหม่ที่สดใส และเราอยู่ได้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง”