หมอนิธิ หรือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Nithi Mahanonda ว่า โพสต์ผลการศึกษาเรื่องสถานที่เสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด19 ไว้ให้คนที่รักสุขภาพไม่อย่างเสี่ยงได้เลี่ยงที่อโคจรได้ตามความจำเป็น ในยามที่ขณะนี้มีข้อมูลสนับสนุนสิ่งที่ผมเชื่อมานานแล้วว่าในประเทศไทยนั้น มีคนมีเชื้อไวรัสโควิดที่ไม่มีอาการเดินไปเดินมาอยู่มากมาย
หมอธีระ เผยข้อมูล โควิดทั่วโลก ทะลุ 29 ล้าน แนะรัฐรับต่างชาติที่จำเป็น
จากในภาพนี้เขาแยกเป็นสองกลุ่มที่เข้าไปในที่ต่างๆกลุ่มแรกมีการสัมผัสใกล้ชิด กับกลุ่มที่ไม่ได้ใกล้ชิดแต่อยู่ในสถานที่เดียวกันกับผู้ที่มีเชื้อ วิธีการอ่านภาพตามกราฟคือถ้าจุดกลมๆเอียงไปอยู่ขวามือ(ของเรา)ของเส้นแนวตั้งจะมีความเสี่ยง (ไปทางซ้ายไม่มีความเสี่ยง)ยิ่งไกลยิ่งเสี่ยงมากขึ้น ส่วนเส้นแนวขวางที่ขีดคร่อมทับจุดกลมๆ ค่าความมั่นใจของข้อมูลว่าความเสี่ยงในสถานที่นั้นๆชัดเจนแค่ไหนครับ
อย่างไรก็ดีทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจากอเมริกา set up ในที่ต่างๆนั้นต่างจากประเทศไทย บ้าง แต่ผมขอสรุปให้ง่ายๆว่า
1)สถานที่เสี่ยงสูงคือสถานที่ๆไม่มีอากาศถ่ายเท ห้องปรับอากาศที่ระบบไม่มีการกรองเชื้อโรคและไม่มีการนำอากาศบริสุทธิ์มาแลกเปลี่ยน
2)สถานที่ที่มีการพูดคุย มีการส่งเสียงดังกันมีความเสี่ยงสูง ยิ่งเสียงดังมาก ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
3)สถานที่ที่มีคนแออัดมีความเสี่ยงสูง ยิ่งคนมากขึ้นใกล้ชิดมากขึ้นก็เสี่ยงเพิ่มขึ้น
4)สถานที่ที่ที่ไม่สามารถใส่หน้ากากอนามัยได้ตลอดเวลามีความเสี่ยงสูง
ดังนั้นในภาพรวมทั้งประเทศอาจกล่าวได้คร่าวๆว่าการติดต่อนี้เป็นเรื่องของชีวิตคนแบบคนเมือง ดังนั้น การใช้หน้ากากอนามัย ล้างมือ รักษาระยะห่าง และรักษาความสะอาดเป็นเรื่องจำเป็นที่หยุดปฏิบัติไม่ได้
และที่อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจเรื่องการตรวจหาเชื้อโดยตรวจพันธุกรรมเชื้อจากการป้ายจมูก และคอหรือตรวจจากน้ำลายนั้นไม่สามารถตรวจพบได้ทั้ง100 คนใน 100 คนที่มีเชื้อนะครับตามมาตรฐานจะตรวจพบ(ผลเป็นบวก) ได้แค่ 80 กว่าคนเท่านั้น
และจากการที่ทั้งประเทศ(และทั้งโลก)นี้ถูกทำให้เชื่อว่าคนที่ได้รับการกักตัว 14 วันแล้วตรวจไม่พบเชื้อก่อนได้รับการปล่อยตัวนั้นถ้ามี 100 คน ทั้ง100คนนั้นจะสะอาดสมบูรณ์ปราศจากเชื้อแน่ๆทั้งหมด แท้ที่จริงแล้วจากหลักวิธีการตรวจที่ใช้และการดำเนินของโรคเอง ใน100คนนั้น ยังอาจมีได้อีก2คนที่ตรวจพบเชื้อหลังจากนั้น(แต่ถ้าเราไม่ตรวจอีกก็ไม่พบ2คนนี้ที่ได้ออกไปแพร่เชื้อให้สังคมไปมากแล้ว)ได้อยู่ดี
จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวเป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไม(ยัง)ไม่มีการระบาดที่รุนแรงในประเทศ ผมได้แต่คาดเดาว่า
1)พฤติกรรมการใช้ชีวิตคนไทยต่างจากกับประเทศอื่นทางตะวันตก คือเรามีความสะอาดเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
2)สถานที่ที่อากาศอับแล้วมีคนอยู่กันแออัดนั้นชีวิตแบบทางไทยๆแบบตะวันออกมีไม่มาก
3)คนไทยอาจมีพันธุกรรมบางอย่างที่ปกป้องเรา แต่ไม่มีใครศึกษากันอย่างแท้จริง
4)คนไทยอาจมีภูมิคุ้มกันโรคอื่นๆที่อาจคล้ายและมีผลต่อต้านไวรัสโควิด19นี้ได้ ซึ่งก็ยังไม่มีใครศึกษากันให้ขัดเจนด้วย
การระบาดของโรคๆหนึ่งในสังคมนอกจากใช้หลักทางวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ยังต้องดูเรื่องของมนุษยศาสตร์และพฤติกรรมของคนในสังคมนั้นๆด้วย
อย่างไรก็ดีที่พิสูจน์ได้แล้วชัดเจนว่าดีแน่ๆคือ 1)ใส่หน้ากากอนามัย 2)รักษาระยะห่าง 3)เลี่ยงที่อากาศไม่ถ่ายเท 4)ล้างมือบ่อยๆและรักษาความสะอาดส่วนตัวครับ
ลุ้นประวัติศาสตร์! หมอยง ชี้หาก วัคซีนโควิด 19 สามารถรู้ผลได้ภายในสิ้นปีนี้
อัพเดท 14 ก.ย. 63 ยอดตาย ไวรัส โควิด-19 เกิน 922,212 ติดเชื้อ 28,884,553 ราย หายแล้ว 19,531,117