ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการ ชี้ไทยเป็นแชมป์โลก อัตราการกระจายเชื้อ โควิด สูงที่สุด พร้อมแนะนำให้รัฐบาลเตรียมฉีดวัคซีนเป็นวาระเร่งด่วน ก่อนจะสายเกินไป
ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยได้รับคำชมว่า บริหารการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ดีเยี่ยมของโลกประเทศหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปปีกว่า จนล่าสุดเกิดกรณีสถานบันเทิงซอยทองหล่อ ผสมกับการส่งเสริมผิดที่ผิดเวลา ให้ประชาชนออกเที่ยวช่วงสงกรานต์ เป็นผลทำให้เกิดการระบาดไปเกือบทุกจังหวัด
ผลปรากฏว่า ในขณะที่ อัตราการขยายเชื้อโควิด-19 (Reproduction Rate – R)* ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ประเทศไทยกลับมีค่า R ทะยานขึ้นจนถือเป็น “แชมป์โลก” มีค่า R = 2.27 ทิ้งอันดับ 2 คือ Surinam ทีมี R = 1.79 ค่อนข้างห่าง โดยที่ R ค่าเฉลี่ยโลกอยู่ที่ 1.17 (ภาพที่ 1 และ 2 Ref: Our World in Data)
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Worsak Kanok-Nukulchai หรือ ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมบูรณาการ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ตั้งข้อสังเกตุไว้ดังนี้
(1) ด้วย R = 2.27 หมายความว่า คนไทยติดเชื้อหนึ่งคนจะสามารถแพร่ต่อไปให้อีก 2.27 คน ถ้าประเทศไทยไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม ในช่วง 30 วันจากนี้ไป ประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันก้าวกระโดดไปถึง 136,821 คนต่อวัน ดังตารางด้านล่าง
(2) มาตรการที่ดูเหมือนจะได้ผลที่สุดและถือเป็นมาตรการหลักทั่วโลก คือ การฉีดวัคซีน ตัวอย่างคือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งฉีดตั้งแต่ปลายธันวาคมที่ผ่านมา ในภาพที่ 4 จะเห็นว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของสหรัฐได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากเริ่มฉีดวัคซีนเพียงหนึ่งเดือน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอาจดูจำนวนมาก แต่ด้วยค่า R ของสหรัฐปัจจุบันอยู่ที่ 1.08 จึงถือได้ว่าประเทศสหรัฐใกล้พ้นจากภาวะโควิดระบาดแล้ว โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะค่อยๆน้อยจนกลายเป็นศูนย์
(3) ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เร่งฉีดวัคซีนสูงสุด คือ อินโดนีเซีย และดูเหมือนจะได้ผลดีมาก เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ปรากฏว่า อินโดนีเซียมีการระดมฉีดวัคซีนถึง 16.1 ล้านโดส (เท่ากับ 5.8% ของประชากร) เทียบกับประเทศไทยที่ฉีดเพียง 0.58 ล้านโดส (เท่ากับ 0.83% ของประชากร) ทำให้ผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างรวดเร็วด้วยค่า R = 1.0 พอดี จากที่เคยสูงสุดวันละ 12,751 คน ลดลงมาเหลือ 5,211 คน ถ้าอินโดนีเซียสามารถรักษาค่า R =1.0 หรือต่ำกว่า ผู้ติดเชื้อรายวันคงลดลงมาจนเหลือศูนย์ในไม่ช้า
โดยทางศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ได้ให้บทสรุปคำแนะนำต่อรัฐบาลปัจจุบันนี้ว่า มาตรการการใส่แมสก์เว้นระยะห่างในสถานที่ชุมนุมคน อาจไม่ “เวิร์ค” เพียงพอสำหรับสังคมไทยที่มีชนชั้นอภิสิทธิอยู่ทั่วไป อีกทั้งการปิดประเทศต่อย่อมมีผลกระทบทางเศรษฐกิจเกินกว่าที่จะรับได้ แต่อย่าลืมว่า ด้วยค่า R สูงระดับนี้ ถึงเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวคงต้องคิดหนักที่จะตัดสินใจมาประเทศไทย
ทางออกทางเดียว คือ รัฐบาลต้องรีบระดมให้มีการฉีดวัคซีนทั่วประเทศตามลำดับความสุ่มเสี่ยง โดยถือว่าเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติ ก่อนที่จะสายไป ถ้าบริหารเองไม่ไหว ก็ต้องเปิดเสรีให้โรงพยาบาลและคลีนิคเอกชนบริหารให้ โดยรัฐต้องให้งบประมาณสนับสนุน ดีกว่าใช้งบประมาณเรี่ยราดในสิ่งเหลวไหลที่ไร้ประโยชน์
ข้อมูลจาก Worsak Kanok-Nukulchai