นายอาคม สั่งหารือแยก เบี้ยผู้สูงอายุ – เงินบำนาญ เนื่องจากเป็นสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ และป้องกันการเกิดปัญหาเรียกคืนเงิน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี กรมบัญชีกลางเรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 84,000 บาท คืนจากนางบวน โล่สุวรรณ อายุ 89 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากนางบวนได้รับบำนาญพิเศษ ของลูกชายที่เป็นทหารเสียชีวิตหลังจากเหตุคลังแสงระเบิดเดือนละ 5,000 บาท
ทางด้านของกรมบัญชีกลางจึงได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า กรณีนางบวน โล่สุวรรณ ชาว จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกเรียกเก็บเงินเบี้ยผู้สูงอายุคืนรวมดอกเบี้ยนั้น เนื่องจากหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2561 ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นใดในลักษณะเดียวกัน
นายอาคม ให้ความเห็นว่า “ส่วนตัวผมมองว่าสิทธิที่ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่ควรได้รับ และควรจะต้องแยกกับสิทธิพิเศษ เช่น บำนาญที่ได้รับจากการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของลูกชายที่เสียชีวิต”
อย่างไรก็ตาม กรมบัญชีกลาง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องหารือแก้ปัญหานี้ เพราะควรแยกสิทธิส่วนบุคคลที่ผู้สูงอายุควรได้รับอยู่แล้วอย่างเบี้ยผู้สูงอายุ ออกจากสิทธิพิเศษที่ได้รับตามกรณี เพราะทั้ง 2 สิทธิไม่เกี่ยวกัน
ทั้งนี้ นายอาคม ได้สั่งให้กรมบัญชีกลางหยุดให้ความเห็นเรื่องดังกล่าว และให้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าจะทำอย่างไร ให้การได้รับสิทธิทั้ง 2 สิทธิ ทำได้ถูกต้อง เพราะเป็นสิทธิที่ผู้มีสิทธิควรได้รับ ไม่ควรไปตัดสิทธิ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อกฎหมายอะไรก็ให้เสนอขึ้นมา เพื่อพิจารณาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทนาย โคราช ใจดี เปิดช่องทาง ช่วยเหลือผู้สูงอายุ กรณีถูกเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุ
นายกฯ สั่งเร่งหาข้อเท็จจริง ปมยายวัย 89 โดนเรียกเก็บเบี้ยผู้สูงอายุย้อนหลัง 10 ปี
ทนาย ชี้ เจ้าหน้าที่บกพร่อง ยายรับเงินโดยสุจริต ไม่ต้องคืน เบี้ยผู้สูงอายุ