กรุงไทย มีรายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะพิเศษที่มีนายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธาน มีความเห็นว่าธนาคารกรุงไทย มิได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเห็นว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งถือหุ้นในธนาคารกรุงไทยในสัดส่วน 55% นั้น มีฐานะเป็นองค์การมหาชน
เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาฯตีความว่า กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่มีสถานะเป็นองค์การมหาชน ทำให้ธนาคารกรุงไทย ไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจเช่นที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะนี้มีมติอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะทำหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
ผลจากการที่ธนาคารกรุงไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ ทำให้ธนาคารกรุงไทยไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ เช่น พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562, พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 เป็นต้น โดยจะอยู่ภายใต้พ.ร.บ.บริษัทมหาชน พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ และพ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน เท่านั้น
นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังสามารถแก้ไขกฎระเบียบต่างๆภายในธนาคาร เพื่อทำให้การบริหารงานมีความคล่องตัวมากขึ้น เช่น ต่อไปนี้ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอธนาคาร คือ กรรมการผู้จัดการใหญ่ อาจไม่จำเป็นต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี หรือกรณีคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด) ไม่จำเป็นต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี เช่นที่พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2518 ได้กำหนดไว้ เป็นต้น
สำหรับคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยชุดปัจจุบัน มีนายไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เป็นรองประธานกรรมการ และ ประธานกรรมการบริหาร โดยนายไกรฤทธิ์ มีอายุ 65 ปี ส่วนนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปัจจุบันมีอายุ 52 ปี
ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ 6 อันดับแรก ประกอบด้วย กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน สัดส่วน 55.07% ,บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด สัดส่วน 5.97% ,STATE STREET EUROPE LIMITED สัดส่วน 2.60% ,สหกรณ์ออมทรัพย์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด สัดส่วน 2.33% ,กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 2.19% และกองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) สัดส่วน 2.19%
เมื่อปี 2543 กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอให้พิจารณาสถานะภาพของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ต่อมาคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ 1 และคณะที่ 10 ได้วินิจฉัยเรื่องดังกล่าว โดยในส่วนของกองทุนฟื้นฟูฯนั้น คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่า กองทุนฟื้นฟูฯมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ