2พส พระมหาสมปอง-พระมหาไพรวัลย์ ฝาก 2 คติธรรม หลังเข้าชี้แจงกมธ. ปมไลฟ์สด จงลืมเสียเถิดความหลัง แล้วสร้างปัจจุบันเพื่ออนาคต
หลังจากที่พระนักเทศน์จากวัดสร้อยทองทั้งสองท่านอย่าง พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต และพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้เดินทางไปยังรัฐสภาตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร นิมนต์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกรณีเกิดกระแสวิจารณ์กรณีที่มีการออกมาไลฟ์สดสอนธรรมมะทางผ่านทางโซเชียล
โดยหลังการชี้แจงสรุปได้ว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยืนยันว่าการไลฟ์สดเทศนาของพระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ สามารถทำได้และถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่สาเหตุที่ต้องเชิญพระทั้งสองท่านมาในวันนี้นั้นก็คือ การฟังธรรมะมีหลายช่วงอายุ การไลฟ์สดจึงอาจแทรกเนื้อหาความสนุกสนานเนื้อหาของธรรมอย่างไม่ทั่วถึง
ทางด้านของ พระมหาสมปอง ชี้แจงว่า ครั้งแรกที่ไลฟ์สดเป็นเหมือนการเข้าเรียนคาบแรก เป็นการทำความเข้าใจร่วมกับนักเรียนครั้งแรกแต่คาบต่อไปคือ วันนี้(9ก.ย.64) จะเข้าสู่เนื้อหามากขึ้น ซึ่งตอนนั้นเด็กๆ ก็คงจะเริ่มหลับกันแล้ว ในขณะที่ พระมหาไพรวัลย์ ก็ได้กล่าวว่า เด็กวัยรุ่นสมัยนี้ชอบเข้าถึงธรรมะแบบง่ายๆ ด้วยวิธีของกลุ่มวัยรุ่น
อย่างไรก็ตามทาง กมธ. ได้ขอว่า หลังจากนี้การไลฟ์สดของพระทั้งสองท่านสามารถทำได้ แต่ขอให้สอดแทรกเนื้อหา 50 และขอเป็ฯความสนุกสนาน 50 และได้ขอความร่วมมือไปยังพระมหาไพลวัลย์ว่า ให้หัวเราะน้อยลงกว่านี้ แต่ทางด้านของพระมหาไพลวัล์ได้ตอบกับสื่อมวลชนว่า อย่าหัวเราะมาก = ยังหัวเราะอยู่เหมือนเดิม
ทั้งนี้ ระหว่างการชี้แจง พระมหาสมปอง ได้ฝากคติธรรมไว้ทั้งหมดสองข้อดังนี้
“จงลืมเสียเถิดความหลัง แล้วสร้างปัจจุบันเพื่ออนาคต” บางท่านก็ยึดติดกับความหลัง และไปรื้อฟื้นต่างๆ มา เหมือนกับไปรื้อฟื้นคลิปเก่าๆ ของพระมหาไพรวัลย์ ที่มีคนฟังหลักสิบหลักร้อย แต่ถ้ารื้อฟื้นแล้วเป็นบทเรียนที่เป็นประโยชน์ก็ดี แต่อย่างไรเราก็สร้างปัจจุบัน เน้นเผยแพร่ศาสนา เหมือนเรามาพีเซนต์หน้าห้อง แล้วพระอาจารย์บอกว่าอันนี้ไม่ดีต้องกลับไปแก้ไข เราก็พร้อมทำอยู่แล้ว เราเป็นพระเด็กๆ ก็พร้อมที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อเราอยากเป็น เราก็ต้องอยากทำงานด้วย”เหมือนกับถ้าเราอยากไลฟ์ ก็ต้องอยากให้ธรรมะสอนคนด้วย ฉะนั้น ถ้าท่านมาแล้วดูแลประชาชน ก็สมกับที่ท่านอยากเป็น อย่างที่เขาบอกว่า “ธรรมชาติของตา อยู่ต่ำกว่าสมอง จงอย่าตัดสินแค่การมอง โดยลืมไต่ตรองด้วยการใช้สมองที่สูงส่ง” ทุกครั้งที่เราดูอะไร เห็นอะไรต่างๆ ก็ตัดสินใจเลย เหมือนกับที่มีคนมาเตือนแต่แรก แต่ใจเขาบอกดูให้จบก่อน พอจบแล้วก็กลายเป็นให้กำลังใจ และชม ถ้าเป็นภาษาดั้งเดิมตอนเด็ก คือดูหนังให้จบม้วนก่อนแล้วค่อยตัดสินเรา และค่อยตัดสินว่าคิดอย่างไร และให้เราแก้ไขอย่างไร ก็บอกกันได้
ข่าวที่น่าสนใจ
พระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง ชี้แจงกมธ. ปมไลฟ์สด ไม่หวั่นเสียงวิจารณ์ พร้อมปรับปรุงให้ดีขึ้น
อุทาหรณ์! ไฟลุกท่วม เครื่องอบผ้าขณะทำงาน คาดผู้เจ้าของผ้าลืมไฟแช็กไว้ในกางเกง (คลิป)