กทม.ประกาศ งดจำหน่ายสุรา 10-20 เม.ย.นี้ หวั่นคนรวมตัวเลี้ยงสังสรรค์ช่วงสงกรานต์ ชวนปชช.ประเมินความเสี่ยงผ่านระบบ BKK COVID-19
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติปรับเวลาการเปิด-ปิดของร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม รวมถึงรถเข็นและหาบเร่แผงลอย เนื่องจากประกาศกทม.ฉบับที่ 5 กำหนดช่วงเวลาปิดตั้งแต่ 24.00-05.00 น. แต่ข้อกำหนดในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับที่ 2 ที่มีการประกาศเคอร์ฟิวนั้น กทม.จึงปรับเวลาสอดคล้องกับเคอร์ฟิวตั้งแต่ 22.00-04.00 น.
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวอีกว่า เนื่องจากเทศกาลสงกรานต์ สิ่งที่อันตรายคือการรวมตัวกันของคนในการเลี้ยงฉลองสรรค์โดยเฉพาะการซื้อสุรา ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนี้ที่ดีขึ้นทุกวัน และไม่อยากให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อจำนวนมากในช่วงนี้จนทำให้ต้องนับหนึ่งใหม่หมด ดังนั้นจึงออกคำสั่งภายในวันนี้ให้งดจำหน่ายสุรา โดยร้านค้าหรือสถานประกอบการขายสุรา ประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ที่ได้รับการอนุญาตให้จำหน่ายสุราตามพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ต้องงดจำหน่ายสุรา
“ใจความสำคัญของประกาศฉบับนี้ คือให้งดจำหน่ายสุราทุกร้านทั้งการขายปลีกและขายส่ง และช่วงเวลาที่งดตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน – 20 เมษายนนี้ ขอความร่วมมือคนทำความเข้าใจและให้ความร่วมมือ เพราะวันนี้เรามาได้ไกลแล้ว และเหลืออีกนิดเดียวจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงไม่อยากให้พวกเราทุกคนต้องกลับไปเริ่มต้นกันใหม่” ร.ต.อ.พงศกร กล่าว
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเนื่องจากมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนเกิดข้อสงสัยว่าตัวเอง คนรอบข้าง และคนในครอบครัว ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ หากติดเชื้อแล้วจะทำตัวอย่างไรและมีใครเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ ดังนั้นกทม.จึงทำระบบ BKK Covid-19 ขึ้นมา เพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อ โควิด-19 ผ่าน bkkcovid19.bangkok.go.th โดยจะมีการประเมิน 2 ส่วนคือ 1.ประเมินความเสี่ยง และ2.การประเมินอาการ ซึ่งการประเมินเป็นการออกแบบโดยแพทย์ที่ใช้จริงในโรงพยาบาล
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวต่อว่า เมื่อกรอกแบบประเมินแล้วระบบจะจัดเป็นกลุ่มต่าง ๆ และให้ความรู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพราะแต่ละกลุ่มมีการปฏิบัติตัวแตกต่างกัน หากพบว่ามีความเสี่ยง ระบบจะจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบถามเพื่อยืนยันข้อมูลเพิ่มเติมในการจัดรถพยาบาลไปรับถึงที่บ้านมายังโรงพยาบาลทันที คาดว่าจะใช้ในพื้นที่กรุงเทพฯก่อน แต่ทุกคนทั่วประเทศสามารถประเมินความเสี่ยงและรับสร้างวิธีปฏิบัติตัว ยืนยันว่าไม่มีค่าใช้จ่าย ข้อมูลส่วนตัวไม่ถูกเปิดเผยและใช้ทางการแพทย์เท่านั้น
นอกจากนี้ ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า สำหรับประเด็นการขออนุญาตออกนอกเคหสถานในพื้นที่กรุงเทพฯ ปัจจุบันหลายคนมีความจำเป็นต้องออกจากพื้นที่และมีอาชีพตามที่ได้มีการยกเว้นนั้น กทม.จึงได้ทำแบบฟอร์มสำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมด 8 อาชีพ ซึ่งสามารถใช้แบบฟอร์มดังกล่าว เพื่อขออนุญาตรับรองตนเองในการออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาเคอร์ฟิวส์ แต่ในส่วนอาชีพอื่น ๆ นอกเหนือจาก 8 อาชีพดังกล่าวที่ต้องการออกนอกเคหสถาน ก็ได้มีการจัดทำแบบฟอร์มในการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ ดังนั้นอยากให้มีการใช้แบบฟอร์มดังที่กล่าวมานี้ เพื่อขออนุญาตอย่างถูกต้อง ถูกวิธี และมีใจความสำคัญอย่างครบถ้วน