อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ทรุดหนัก หลังโควิดระบาดรอบสอง แรงงานธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม เสี่ยงตกงานกว่า 2 ล้านคน
สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่น ประจำไตรมาส 4/2563 เท่ากับ 62 ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2563 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ไตรมาสที่ 1/2564 เท่ากับ 53 ถือว่าต่ำกว่าระดับปกติมาก ผลมาจากการระบาดของโควิด-19 นรอบที่สอง
โดยผลสำรวจพบว่า ตลอดทั้งปี 2563 มีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตกงานประมาณ 1.04 ล้านคน และในไตรมาส 4/2563 ธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีการปิดกิจการชั่วคราว 10% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2563 ที่ 3% และมีการปิดกิจการถาวร 3% เท่าเดิม ทั้งนี้ พบว่าสถานประกอบการ 85% ยังคงเปิดกิจการ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีลูกค้า โดย 50% ของธุรกิจที่เปิดกิจการมีการลดจำนวนพนักงานลง 30-40% ของพนักงานที่เคยจ้าง ส่วนพนักงานที่ทำงานอยู่ในระบบ รายได้จะลดลง 20-30% ของรายได้ที่เคยรับ เนื่องจากมีการลดเงินเดือน หรือลดเวลาการทำงาน
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แรงงานในธุรกิจท่องเที่ยวตกงานมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีทุนพอที่จะรักษาการจ้างงานได้อีกต่อไป แต่คาดว่า เมื่อมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว จึงจะเสนอนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาว่า จำเป็นที่จะต้องเร่งสร้าง Tourism Labor Bank หรือ ธนาคารแรงงานภาคท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ที่ถูกเลิกจ้างหรือผู้ถูกพักงานสามารถสมัครเข้ามาเพื่อหาโอกาสในการทำงาน และผู้ประกอบการสามารถเข้ามาเลือกจ้างผู้ที่มีทักษะตรงกับความต้องการ และขอให้รัฐเข้ามาสนับสนุนงบประมาณ เช่น การร่วมจ่ายค้าจ้างหรือ Co-Pay สำหรับการจ้างงานของภาคเอกชน
ทางด้านของ นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท.และนายกสมาคมโรงแรม เสนอให้รัฐบาลช่วยจ่ายค่าจ้างในรูปแบบ Co-Pay ให้กับแรงงานที่มีอยู่ 800,000 คน ในอัตราครึ่งหนึ่งของเพดานเงินเดือนสุงสุด 15,000 บาท หรือคนละ 7,500 บาท เป็นเวลา 1 ปี มีเงื่อนไขว่านายจ้างต้องไปเลิกจ้างแรงงานคนนั้น เพราะกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงสภาวะปกติในอีก 2 ปีข้างหน้า
ในส่วนของการช่วยเหลือจากภาครัฐ นางมาริสา กล่าวว่า แล้วแต่ภาครัฐจะพิจารณา แต่ในมุมของเอกชนมองว่าต้องขอให้ช่วยเรื่องนี้ แบ่งเป็น แรงงาน 400,000 คนอยู่ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและอีก 400,000 คนในธุรกิจโรงแรม ขณะที่นายชำนาญ กล่าวว่า ข้อเสนอนี้มองว่าเป็นทางออกของประเทศ อยากให้ภาครัฐพิจารณา ช่วยเหลือ 3 เดือนก็ยังดี
นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) กล่าวว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ สทท.และคณะจะเข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เพื่อเสนอให้มีนโยบายที่ชัดเจนในการ เปิดประเทศรับชาวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว
ซึ่งตอนนี้ทั่วโลกมีคนได้รับวัคซีนแล้ว 65 ล้านคน หลายประเทศ เช่นไอซ์แลนด์ สิงคโปร์ ประกาศเปิดรับคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ดังนั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาทันในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)มองไว้ว่าปีนี้จะได้ 10 ล้านคน ประเทศไทยก็ต้องประกาศนโยบายที่ชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้คนไทยที่เป็นแนวหน้า อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ คนสูงอายุ และคนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดแล้ว ลำดับต่อไปขอให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซันกับคนที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยว อาทิ ภูเก็ต สมุย กระบี่ พัทยา เพราะเป็นเมืองที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจะได้เกิดความสบายใจกับคนในพื้นที่และช่วยเศรษฐกิจได้ด้วย
ข่าวที่น่าสนใจ
มิน นักเรียนเลว ยอมรับเครียดหนัก คิดฆ่าตัวตาย หลังถูกดำเนินคดีผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
อนุทิน เยี่ยมแปลง กัญชา หวังเป็นโมเดลการปลูกภาคประชาชน
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อกำหนด-มาตรการควบคุม 3 พื้นที่ ตามความรุนแรงของแพร่ระบาดโควิด