“หมอธีระวัฒน์” แนะทางเลือกของ เด็ก3ขวบขึ้นไป ในประเทศไทย ควรฉีดวัคซีนเชื้อตายสองเข็ม ตามด้วยmRNA เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจากหัวใจอักเสบ
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ทางด้านของศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กเล็ก ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha โดยอ้างข้อมูลจากทางuniversity of California พร้อมแนะเด็ก3ขวบ ฉีดวัคซีนเชื้อตายสองเข็ม ตามด้วยmRNA เพื่อความปลอดภัยจากหัวใจอักเสบ
หัวใจผิดปกติในเด็กชาย หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (162.2 คน ใน1ล้านคน)
การวิเคราะห์ข้อมูล โดย คุณหมอ Tracy Hoeg และคณะ จาก university of California, Davis ภาควิชา Physical Medicine and Rehabilitation ทั้งนี้โดยใช้ข้อมูลที่มีการรายงานมาในระบบ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากวัคซีน ของชาติ (VAERS) โดยใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 18 มิถุนายน 2564 เด็กอายุ 12 ถึง 17 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัวที่ได้รับวัคซีน mRNA ที่มีอาการและลักษณะเข้าได้กับกล้ามเนื้อหัวใจและเยี่อหุ้มหัวใจอักเสบ
- เด็กผู้ชายอายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 162.2 ต่อล้าน
- เด็กผู้ชายอายุ 16 ถึง 17= 94 ต่อล้าน
- เด็กผู้หญิงอายุ 12 ถึง 15 เกิดหัวใจอักเสบ 13.0 ต่อล้าน
- เด็กผู้หญิงอายุ 16 ถึง 17= 13.4 ต่อล้าน
ในจำนวนนี้ ซึ่งเกือบ 86% เป็นเด็กชาย ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและความเสี่ยงตามการวิเคราะห์ชิ้นนี้ดูจะสูงมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากการติดเชื้อ โควิด-19 ในกลุ่มอายุขนาดนี้พี่ไม่มีโรคประจำตัว ข้อมูลตรงกับที่ CDC สพรัฐ รายงาน คือ มักเกิดหลังเข็มที่สองในผู้ชายอายุ 12 ถึง 17
แต่ อุบัติการจากการวิเคราะห์นี้สูงกว่าที่ได้เคยมีรายงานไว้คือที่ 62.5 ในผู้ชายและ 8.68 ในผู้หญิงที่อายุ 12 ถึง 17 ต่อ ล้าน (ทั้งนี้ไม่ทราบแน่ชัด ทั้งนี้อาจจะเกิดเนื่องจากการระบุว่าเป็นหัวใจอักเสบมีการครอบคลุมลักษณะของอาการกว้างขวางกว่า รวมกระทั่งถึงการตรวจอื่นๆเข้าไปด้วยหรือไม่)
ทางเลือกสำหรับประเทศไทยในเด็กตั้งแต่อายุสามขวบขึ้นไปเพื่อความปลอดภัยสูงสุดจากหัวใจอักเสบ อาจจะเป็นวัคซีนเชื้อตายสองเข็มแต่เนื่องจากไม่สามารถคุมเดลต้าได้ จึงตามด้วยไฟเซอร์ หรือโมเดนา ในปริมาณน้อยที่สุดคือหนึ่งส่วนสี่โดส เข้ากล้าม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผลหรือจะใช้ขนาดหนึ่งในห้าหรือหนึ่งใน 10 ทางชั้นผิวหนังก็ได้ผลเช่นกัน และปลอดภัยกว่า
สามารถติดตามข่าวสาร และ อัปเดทสถานการ์โควิด-19 ได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV
ข่าวที่น่าสนใจ