ดร.ธรณ์ เตือน คนไทยกอดงานประจำให้ดี หลังโควิด19 กลับมาระบาดหนักอีกครั้งในหลายประเทศ
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 63 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว “Thon Thamrongnawasawat” ระบุว่า
วันนี้ไทยมีผู้ติดเชื้อในประเทศรายแรกในรอบร้อยวัน ขณะที่สถานการณ์โลกยังย่ำอยู่ที่เดิม เมื่อวานบวก 2.86 แสน อยู่บนพีคระดับนี้มาตั้งแต่กลางกรกฎาคม เมื่อวานอินเดียบวกเกิน 8.2 หมื่น วันนี้ดูตัวเลขแล้วอาจมากกว่าเดิม และคงแซงบราซิลขึ้นเป็นอันดับสองในสุดสัปดาห์นี้
ยุโรปรอบสองก็สูงขึ้นเรื่อย สเปนบวกแตะ 9 พันอีกครั้ง ขณะที่ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี ดูแล้วสูงขึ้นเรื่อย รอบสองของยุโรป จะขึ้นช้ากว่าเวฟแรก แต่ลากยาวแบบนี้ทำให้น่าห่วงว่าจะยาวแค่ไหน
ดูรอบโลกแล้ว คงต้องบอกว่าโควิดวนไปมา มีขึ้นมีลงแบบนี้ หากหวังว่าจะค่อยๆ ซาจนลดน้อยเอง คงต้องรอกันนานมาก ก็เหลือแค่วัคซีนที่จะช่วยย่นเวลาการรอคอยให้สั้นลง ซึ่งคงต้องตามดู เพราะตอนนี้อเมริกาเริ่มแยกวง
วันนี้อ่านบทวิเครสะห์ในอเมริกา เขาบอกว่าผลกระทบเริ่มเปลี่ยน เดิมทีมีคนตกงานเยอะ แต่เป็นงานระดับล่าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปรกติของล็อคดาวน์ เมื่อคลายล็อค การจ้างงานก็กลับมา แบบนั้นยังไม่น่าห่วงมากในแง่เศรษฐกิจ
แต่ตอนนี้แม้มีการจ้างงานมากขึ้น แต่กลุ่มคนตกงานเริ่มเปลี่ยนเป็นคนในบริษัทใหญ่ๆ ระดับสูงขึ้น ซึ่งน่าห่วงมากกว่า เหตุผลคือบริษัทเหล่านี้เริ่มมองโลกหลังโควิดไม่เหมือนเดิม ผลกระทบลึกนานกว่าเดิม ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจโลกเปลี่ยน
หากอยากรักษาบริษัทให้รอดและแข่งขันได้ โครงสร้างต้องเปลี่ยนตามและเปลี่ยนถาวร ใครตกงานตอนนี้หมายถึงโอกาสหางานด้านเดิมในอนาคตไม่ง่าย เพราะเมื่อบริษัทหนึ่งเปลี่ยน ในกลุ่มนั้นก็เปลี่ยนตามกัน ในไทยเราก็ทราบว่า ผลกระทบหนนี้ต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจที่แล้วมา เพราะคนระดับรากหญ้าโดนมากกว่า แต่ถ้าอเมริกาเป็นต้นแบบ เราเดินตามไปทางนั้น ผลกระทบจะเริ่มลามขึ้นมาระดับมนุษย์เงินเดือนมากขึ้น
ภาครัฐอาจช่วยจ้างแรงงานระดับล่าง เดือนละหมื่นห้า ได้เป็นหมื่นๆ ตำแหน่ง (โปรล่าสุดที่ทราบ จ้างบัณฑิตเพิ่งจบแบบหารสอง บริษัทครึ่งหนึ่ง รัฐช่วยครึ่งหนึ่ง) แต่ถ้าเป็นพนักงานเฉพาะด้าน เงินเดือนหลายหมื่น ตกงานกันเยอะคงช่วยยากหน่อย
ทางออกอยู่ที่เราครับ ช่วงนี้ต้องเก็บคองอเข่า ทำงานประจำของเราให้ดีที่สุด สร้างประโยชน์ต่อองค์กรให้มากที่สุด เพื่อเราจะเป็นที่ต้องการ อย่ามัวแต่หางานเสริม จนงานประจำหย่อนยาน เพราะงานเสริมช่วงนี้ยาก เราต้องทำอะไรที่มั่นใจไว้ก่อน
สำหรับการท่องเที่ยว หวังต่างชาติคงยาก โมเดลต่างๆ ที่ออกมาก็ชะงัก รายได้เข้าประเทศคงต้องรอต่อไป ภาครัฐเริ่มทราบแล้วว่าตอนนี้ต้องเลี้ยงคนให้ได้ แต่ยิ่งใช้เงินช่วยตอนนี้ ตอนหน้าก็ต้องใช้คืน ผลกระทบจะลากยาวต่อไป
ในส่วนอนุรักษ์ ผมเคยพูดเรื่องรายได้อุทยาน ตอนนี้หน่วยงานอื่นๆ ที่พี่งเงินรายได้บางส่วน ก็เริ่มต้องมอง เพราะจะไปของบประมาณคงลำบากมาก ไม่เว้นแม้แต่งบมหาลัย งานวิจัย ฯลฯ งานที่มองไม่เห็นเป้าจริง ไม่เห็นว่าจะก่อรายได้หรือสร้างมูลค่าในระยะเวลาอันสั้น งานแบบนั้นจะเริ่มลำบาก ไม่ว่าจะจำเป็นต่อพื้นฐานเท่าไหร่ก็ตาม
การบ่นช่วยอะไรไม่ได้ โลกเป็นอย่างนี้ เราก็ต้องหาทางปรับตัวเรางานเราให้เข้ากับโลกยุคใหม่ครับความหวังยังมีบ้าง ผมอ่านรายงานของอีกหลายประเทศ เขาเดือดร้อนหนักเช่นกัน
เรายังดีที่อย่างน้อยก็สร้างอาหารเลี้ยงตัวเองได้ พอหาพลังงานเองได้แม้ไม่ใช่ทั้งหมด ประเทศเล็กๆ หลายแห่ง เช่น มัลดีฟส์ นอกจากนกงานเพียบ รายได้หายหมด ยังต้องอิมพอร์ตอาหารมากขึ้นเยอะ (เพราะล็อคดาวน์ ฯลฯ) เอาเป็นว่าสู้ต่อไป และช่วยกันภาวนาให้ระลอกสองไม่เกิดในไทย หรือเกิดก็แบบเบาๆ เหมือนในนิวซีแลนด์ (วันนี้ +2 น่าจะใกล้จบแล้ว) ไทยสู้ๆ ครับ