เสียงสะท้อนถึเสียงสะท้อนถึง 2พส พระมหาไพรวัลย์-พระมหาสมปอง สองพระนักเทศน์ยุค 2021 ขวัญใจชาวเน็ตหลังไลฟ์เทศนาคนฟังกว่า 2 แสน
กลายเป็นกระแสสังคมที่ไม่ว่าใครฝ่ายไหนต่างก็ต้องให้ความสนใจหลังจากที่สองพระนักเทศน์อย่าง พระมหาไพรวัลย์ พระมหาสมปอง ได้ออกมาไลฟ์สดเทศนาร่วมกัน จนมีประชาชนชาวเน็ตจำนวนมากเข้าร่วมฟังธรรมถึง 2 แสนราย จนทำให้เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปมากมายถึงประเด็นที่ออกมาไลฟ์สดเทศนา
ทางด้านของพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้ความเห็นว่า อาตมาก็เคยเป็นแบบนี้ สมัยหนึ่งอาจารย์คึกฤทธิ์ปราโมช คุณสมัคร สุนทรเวช ท่านอาจารย์พุทธทาส ได้เตือนสติอาตมา โดยเฉพาะอาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ บอกไม่ศรัทธาเลยที่อาตมาเทศน์แบบนี้ เราก็ยังไฟแรง ย้อนไปแบบไม่ดีว่า ที่บวชมานี่ไม่ได้ให้หม่อมคึกฤทธิ์ท่านมาศรัทธา ส่วนคุณสมัครบอกว่าอยากให้อาตมาเทศน์แบบสุนทราภรณ์ แบบหลวงพ่อปัญญา บอกอาตมาเทศน์แบบจำอวดมากไป คนก็ไปถามหลวงพ่อพุทธทาสว่ารู้สึกอย่างไร หลวงพ่อท่านก็พูดดีว่า เรายังไม่เคยเห็นเด็กๆ มาฟังธรรมะอย่างจริงจัง ไม่เคยเห็นพระในประเทศไทยทำได้ ยังแซวอาตมาว่ามาทีหลังแต่แซงหน้าท่านไปแล้วเพราะเทศน์แบบนี้ แต่ก็ไม่ดีอย่างหนึ่งเรื่องหัวเราะ ตอนนั้นอาตมาหัวเราะมาก ตอนหลังปรับตัวเร็ว แต่กลับมาตำหนิอาตมาว่าเทศน์ไม่สนุกเหมือนก่อน
กรณี 2 ท่านนี้ก็เหมือนกัน เมื่ออายุมากขึ้นจะมีสติ สมาธิ ปัญญา จะมากขึ้นตามลำดับ คนในเมืองไทยเรามีหลายอย่าง คนวัยรุ่นชอบอีกอย่าง คนสูงอายุชอบอีกอย่าง ตอนนี้อาตมาเปลี่ยนแนวไปเป็นวิเคราะห์ตามสื่อ ตามหนังสือพิมพ์มากกว่า
“อยากฝากไว้ว่าอย่าไปตำหนิอะไรกันมากเลย เมื่ออายุหรือพรรษามากขึ้น ความรู้สึกจะปรับเปลี่ยนไป ยังไงก็ขึ้นตาชั่งแล้วยังได้ประโยชน์ มีที่ไหนคนฟังธรรมะสองแสนคน คนเสิร์ทเป็นล้าน มันอาจจะน้ำท่วมทุ่งสนุกสนานเบิกบานไปบ้าง แต่มันก็ดีที่เทศน์ให้สนุกสนานไม่ใช่เทศน์ให้ง่วง ให้เครียด ให้หลับ”
นอกจากนี้ นายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และโฆษก พศ. เปิดเผยกรณีพระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก มีผู้รับชมพร้อมกันสูงถึงกว่า 2 แสนคน ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่มุมต่างๆ ว่า การพิจารณาถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมนั้น จะเป็นหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ หรือเจ้าอาวาส ที่เป็นผู้บังคับบัญชาขั้นต้นของพระทั้ง 2 รูป
นายสิปป์บวร กล่าวว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 38 ว่า เจ้าอาวาสมีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ตั้งอยู่บนความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และหากบรรพชิตและคฤหัสถ์ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสสามารถขับไปเสียจากวัดได้
นายสิปป์บวร กล่าวต่อว่า แม้หลายคนจะเห็นว่าการแสดงธรรมเช่นนี้เป็นวิธีการใหม่ รูปแบบใหม่ เป็นนวัตกรรมหนึ่งในการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาออกสู่สังคม ตนมองว่าการเผยแผ่พระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว เพราะสังคมเราต้องการให้พระนำหลักธรรมคำสอนสู่สังคม เพื่อให้ทุกคนมีหลักธรรมประจำใจในการดำรงชีวิต ไม่ให้เกิดความผิดพลาดและสร้างความเดือนร้อนต่อสังคม แต่สิ่งสำคัญในความเป็นพระภิกษุสงฆ์คือ ความสำรวมในความเป็นสงฆ์ ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนสามารถพิจารณาได้เองว่าพระทั้ง 2 รูป ที่เผยแผ่พุทธศาสนาผ่านไลฟ์นั้น มีความเหมาะสมหรือไม่
“โดยส่วนตัวจะไม่ไปวิเคราะห์แทนพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่าประชาชนมีองค์ความรู้ มีความคิดเป็นของตนเอง สามารถวินิจฉัย พินิจพิเคราะห์ได้เองว่า การแสดงลักษณะนี้อยู่ในความสำรวมของสงฆ์หรือไม่”
เนื้อหาจาก : สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
ข่าวที่น่าสนใจ
ชาวเน็ตไม่ปลื้ม! เพจดังแห่คอมเมนต์ เกาะชายผ้าเหลือง ไลฟ์เทศน์พระมหาไพรวัลย์
รู้ไว้ไม่โดนแกง! รวมศัพท์กะเทย 2021 ใช้ฟังเทศน์พระมหาไพรวัลย์ จำได้ไม่บูดแน่
เช็กสายรถที่นี่! หลังองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ประกาศ พบพนง.ติดเชื้อโควิด-19 กว่า 13 ราย