วัคซีนโควิด — หมอยง นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยเมื่อวันที่ 1 ม.ค.64 กรณีรายละเอียดของวัคซีนที่มีอยู่ในโลกตามหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ โดยระบุว่า
วัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคโควิด-19 จัดกลุ่มได้หลายชนิด แต่ที่มีการขึ้นทะเบียนภาวะปกติและฉุกเฉินที่กล่าวไว้ครั้งที่แล้วมี 6 ตัว ผมเขียนวันที่ 29 ธันวาคม และโพสต์ตอน 5:00 น ของวันที่ 30 และก็เขียนไว้ว่า AstraZeneca รออังกฤษ และต่อมาขึ้นทะเบียนได้ในวันที่ 30 ธันวาคม เวลาอังกฤษช้ากว่าเรา และขณะนี้มีวัคซีนกำลังรอขึ้นทะเบียน Pending ในภาวะฉุกเฉินอีกหลายตัว แบ่งกลุ่มวัคซีนได้เป็น
- mRNA วัคซีน มีการศึกษากันมาก มีการศึกษาในมนุษย์ถึงระยะที่ 2-3 ถึง 3 ชนิด กลุ่มนี้มีความก้าวหน้าและขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉินแล้ว 2 ชนิดได้แก่ ของ Pfizer, BioNTech และ Moderna ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคถึงร้อยละ 95 วัคซีน Pfizer ได้ขึ้นทะเบียนแล้วมากกว่า 8 ประเทศได้แก่ ประเทศซาอุดิอาระเบีย สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในเครือ EU นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ กรีนแลนด์และเซอร์เบีย และขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉินอีก 18 ประเทศรวมทั้งสิงคโปร์ที่ใกล้กับบ้านเราด้วย วัคซีนของ Moderna ขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉินในอเมริกาและแคนาดา
- ใช้ไวรัสเป็นตัวนำ ก็มีการศึกษากันมากเช่นเดียวกันและมีการศึกษาในมนุษย์ระยะท้ายในมนุษย์อยู่ 4 ชนิด และได้ขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉิน 3 ชนิดได้แก่ Ad 5-nCov ของ CanSino ประเทศจีน, Sputnik V ของรัสเซีย และ AstraZeneca ประเทศอังกฤษประสิทธิภาพรวม 70% มีการแจกแจงแบบให้ครึ่งโดส แล้วตามด้วยเต็มโดส (90%) และมีการให้เต็มโดสและเต็มโดส (62%) การให้ครึ่งโดส จากความผิดพลาดของโรงงานโดยบังเอิญ และวัคซีนดังกล่าวเพิ่งขึ้นทะเบียนได้ล่าสุด 30 ธันวาคมที่ผ่านมา จากประเทศเจ้าของคืออังกฤษ หลังจากที่ผมได้โพสต์ก่อน,วัคซีนของจีนขึ้นทะเบียนฉุกเฉินในประเทศจีนเท่านั้น, AstraZeneca ขึ้นทะเบียนฉุกเฉินในอังกฤษและอาร์เจนตินา, วัคซีนของรัสเซียขึ้นทะเบียนฉุกเฉินในรัสเซีย เบลารุส และอาร์เจนตินา
- วัคซีนเชื้อตาย มีการศึกษาในมนุษย์ระยะท้าย 5 ชนิด และได้ขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉินแล้ว 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนของ Sinovac และ Sinopharm ประเทศจีน, วัคซีน Sinovac ขึ้นทะเบียนฉุกเฉินในประเทศจีน, ส่วนของ Sinopharm ขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะปกติในจีนสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน
หลักการของวัคซีนในสามกลุ่มนี้คือ
- mRNA และไวรัส Vector ใช้หลักการคล้ายกัน mRNA จะใช้ Lipid Nanoparticle ส่วนไวรัสเวกเตอร์จะใช้ตัวไวรัสเป็นตัวนำพา RNA เข้าสู่เซลล์มนุษย์ แล้ว RNA ที่เป็น Messenger RNA จะเข้าสู่โรงงานไรโบโซม สร้างโปรตีนส่งผ่านออกมานอกเซลล์ โปรตีนที่สร้างออกมาเปรียบเสมือนเป็นแอนติเจนตามรูปแบบที่กำหนด ให้ร่างกายกระตุ้นสร้างแอนติบอดีหรือภูมิต้านทานนั่นเอง วัคซีนในกลุ่มนี้จึงเป็นวัคซีนใหม่ด้วยเทคโนโลยีสูง mRNA วัคซีนจึงเป็นวัคซีนชนิดแรกที่ใช้ในคน ไวรัสเวกเตอร์มีการศึกษาทดลองวัคซีนอีโบล่ามาบ้างแล้ว
- วัคซีนเชื้อตาย ใช้วิธีการดั้งเดิมอย่างวัคซีนในอดีตหลายชนิดเช่นไวรัสตับอักเสบเอ โปลิโอชนิดเชื้อตายที่พยายามหลีกเลี่ยงโปลิโอชนิดเชื้อเป็น เพราะมีความปลอดภัยกว่าโปลิโอชนิดเชื้อเป็นที่อาจทำให้เกิดโรคได้ นอกจากนี้ยังมีวัคซีนที่รอการขึ้นทะเบียนในภาวะฉุกเฉิน (Pending) เช่น วัคซีนของบริษัท Johnson&Johnson เป็นไวรัสเวคเตอร์ วัคซีน Novavax เป็นแบบ Recombinant Protein และวัคซีน Covaxin ของอินเดียเป็นชนิดเชื้อตายซึ่งคงต้องรอ
การศึกษาที่บอกว่ายังไม่ครบถ้วน เป็นการศึกษาอย่างเร่งด่วนให้สำเร็จใน 1 ปี เพราะไม่ทราบผลการศึกษาระยะยาว ความคงทนของภูมิต้านทานและข้อมูลต่างๆจำต้องเป็นขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉินโดยเปรียบเทียบผลที่ได้จากการป้องกันโรคกับอันตรายที่เกิดขึ้นจากวัคซีน ผลที่ได้มากกว่าก็น่าจะเป็นประโยชน์ในภาวะฉุกเฉิน ดังนั้นในภาวะฉุกเฉิน บริษัทจึงมีเงื่อนไขไม่สามารถฟ้องร้องบริษัทได้ ซึ่งเหมือนกันหมดทุกบริษัท
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อินโดนีเซีย ได้รับวัคซีนจากจีน Sinovac 3 ล้านโดสในเดือนธันวาคม และเมื่อผ่านการขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉิน คาดว่าจะเป็นต้นเดือนมกราคมก็จะมีการเริ่มใช้ หลังจากนั้นจีนก็จะส่งต่อให้บริษัทใหญ่ของอินโดนีเซียที่รู้จักกันดีคือ BioFarma ผลิตเพิ่มอีก 45 ล้านโดส และอินโดนีเซียวางแผนที่จะซื้อวัคซีนจาก AstraZeneca ในไตรมาสสองอีกและวางแผนจากบริษัทอื่นๆอีก 50 ล้านโดส
ฟิลิปปินส์ ติดต่อกับทุกบริษัท รวมทั้งบริษัท Pfizer และ Moderna ในระยะแรก 20 ล้านโดสและต่อมาจะพยายามติดต่ออีก 80 ล้านโดสจากบริษัทต่างๆรวมทั้ง AstraZeneca, Novavax และ Johnson&Johnson ในไตรมาสแรกจะใช้วัคซีนของจีนคือ Sinovac และ Sputnik V ของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้เข้าใจว่ากำลังรอขึ้นทะเบียนในฟิลิปปินส์
มาเลเซีย ก็มีการติดต่อกับเกือบทุกบริษัทไม่ว่าจะเป็น Pfizer, Sinovac, CanSino หรือแม้กระทั่ง Moderna และ Johnson&Johnson คาดว่าในไตรมาสแรก มาเลเซียจะได้รับวัคซีนจาก Pfizer
สิงคโปร์ ได้เริ่มการให้วัคซีนจากบริษัท Pfizer แล้วตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม
ประเทศไทย เดิมมีการกล่าวว่าจะเริ่มแผนการให้วัคซีนกลางปีโดยใช้ของ AstraZeneca ขณะนี้ดีใจมากที่ท่านรองนายกออกมาพูดว่าจะให้ได้รับวัคซีนภายในเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไทยที่จะเลือกได้รับวัคซีนหรือไม่ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงของแต่ละบุคคล
ผมดีใจมากที่หลังจากการเผยแพร่วันก่อน มีการตอบสนองออกมามากมายทั้งภาครัฐและประชาชน เมื่อมองดูทั่วโลกแล้วจะมีการขึ้นทะเบียนภาวะฉุกเฉินต่อวัคซีนดังกล่าวมาแล้วจากประเทศต่างๆเป็นจำนวนมาก เพราะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนต่อการเกิดโรคกับอาการแทรกซ้อนของวัคซีน แน่นอนวัคซีนแต่ละตัวมีการศึกษาวิจัยในระยะค่อนข้างสั้นและวัคซีนหลายตัวเป็นวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อให้ได้การผลิตในปริมาณที่สูง
ไทม์ไลน์ผู้ป่วย! โควิดกรุงเทพ ประวัติเชื่อมโยง สมุทรสาคร ระยอง
9 ข้อลดเสี่ยงโควิด! อย. ห่วงใยประชาชนช่วงหยุดยาว สวัสดีปีใหม่2564
สธ. ขอ 9 จังหวัด ปิดสถานบันเทิง-ร้านอาหารห้ามนั่ง ป้องกัน โควิด19 ระบาดหนัก