หนุ่มใหญ่ขับแท็กซี่ใน กทม. มาเกือบ 20 ปี หันเหชีวิตเดินตามรอยพ่อหลวง ร.9 กลับบ้านเกิดที่ จ.ระนอง แม้ทุนน้อยแต่ 2 พี่สาวมาร่วมช่วยเปิดร้านย่างเป็ดอบเกลือหนึ่งเดียวในระนอง ขายดีจนวันนี้สั่งของเป็ดซึ่งเป็นวัตถุดิบจาก กทม. มาจำหน่ายแทบไม่ทันเพราะต้องใช้เป็ดที่มีขนาดพอเหมาะในการจำหน่าย หนุ่มบอกดีใจได้กลับบ้านดูแลพ่อแม่ ส่วนพ่อแม้ป่วยขอมาช่วยลูกชาย
11 พ.ค.60 บางครั้งชีวิตของคนเราเริ่มเบื่อหน่ายหากอยู่ไกลจากบ้านอันเป็นที่รัก เช่นเดียวกับ นายทานิตย์ ผมจันทร อายุ 43 ปี อดีตโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ใน กทม. มานานเกือบ 20 ปีชาว จ.ระนอง บอกแบบยิ้ม ๆ ว่า ความหวังเดิมของตนเองคือสร้างเนื้อสร้างตัวเพราะคิดว่าอยู่บ้านคงจะมีรายไม่มากนักนัก ตนเองอยากรวย จึงเข้า กทม. ทำงานทุกอย่างและมาจบที่ขับรถแท็กซี่ ซึ่งแต่ละวันมีรายได้มากพอสมควร
นายทานิตย์ บอกเพิ่มเติมว่า เมื่ออยู่มานาน ๆ ค่าครองชีพเริ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว จึงตัดสินใจบอกพี่สาวทั้ง 2 คนที่อยู่ใน จ.ระนอง ว่าจะกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะนอกจากงานที่ทำยังย่ำอยู่กับที่ ยังเป็นห่วงพ่อกับแม่ที่ท่านแก่ชรามากแล้ว พี่สาวทั้ง 2 คนเลยบอกน้องอยากทำอะไร เมื่อผมศึกษาจึงรู้ว่าในพื้นที่ จ.ระนอง ยังไม่มีเป็ดย่างเกลือขาย จึงไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จากนั้นเริ่มได้รับความช่วยเหลือจากพี่สาว พ่อแม่มีความสุขแม้พ่อป่วยก็อยากมาช่วยทำงาน พอว่างพี่ ๆ ก็มาช่วยกัน เป็นความสุขในครอบครัวแม้รายได้จะไม่มากเหมือนชีวิตคนในเมืองใหญ่
อดีตโชเฟอร์แท็กซี่สู้ชีวิต บอกทิ้งท้ายอีกว่า เมื่อทำกว่า 2 เดือนเศษ ขายเป็ดอบเกลือวันละ 30-40 ตัวหรืออาจจะมากกว่านั้นมีกำไรพออยู่ได้ถึงแม้ว่าจะไม่รวยแต่บางครั้งยังติดขัดกับวัตถุดิบที่ต้องสั่งมาจาก กทม. เพราะต้องใช้เป็ดไซส์ที่กำลังดี เหมาะสมแก่ราคากับลูกค้า บางครั้งวัตถุดิบส่งมาทันก็ต้องหยุดร้าน แต่ลูกค้าที่มาซื้อจะรับทราบดีว่าเราอยากให้สิ่งดี ๆ กับลูกค้า ร้านตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษมขาออก พื้นที่ ม.1 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่หันเหจากเมืองใหญ่กลับสู่บ้านเกิด เดินตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องใช้ชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง อยู่กับครอบครัวอันเป็นที่รักทั้งพ่อแม่ที่แก่ชรากับพี่ ๆ ที่ยังวนเวียนมาดู รายจ่ายทั้งหลายที่เคยมีมากก็ลดลง แต่ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง