ไม่มีพลิกโผ ที่ประชุมสภาเลือก “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” เป็นรองประธานสภาฯคนที่1 ขณะที่ “ภราดร ปริศนานันทกุล” คว้ารองประธานสภาฯคนที่ 2
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 11 ก.ย 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1
โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นผู้เสนอชื่อ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เนื่องจากไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง จึงถือว่านายพิเชษฐ์ได้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

โดยนายพิเชษฐ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนจะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของรัฐสภาคือตรากฎหมาย ตรวจสอบหรือยกเลิกกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหาร ให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อประชาชน สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาประเทศ
โดยมีนโยบายดังนี้ 1.ทำสภาฯ ให้ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น เพื่อให้มีการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยจัดให้รัฐสภาประจำจังหวัด ทดลองใช้อย่างน้อย 5 จังหวัด 2.นำรัฐสภามุ่งสู่ความเป็นสมาร์ท พาลิเม็นท์ กรีน พาลิเม็นท์ ซีโร่คาร์บอน นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการบริหารองค์กรเพื่อนำไปสู่รัฐสภาดิจิทัล
ปรับปรุงซ่อมแซมอาคารรัฐสภาให้สมบูรณ์หลังได้รับมอบแล้ว สร้างท่าเทียบเรือฝั่งวุฒิสภา และสส. ภายในปี 2568 ทำที่จอดรถเพิ่มอีก 3,000 คัน ให้ถูกต้องตามกฎหมายของกรุงเทพมหานคร จัดให้มีความปลอดภัยในรัฐสภา เตรียมพร้อมชุดอัคคีภัยเร็วที่สุด
3.เป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ ดำเนินการประชุมสภาฯ ให้เรียบร้อยมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างศักยภาพสมาชิกให้มีความรู้ ประสบการณ์มากขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่นตัวเองให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด 4.เป็นผู้ช่วยประธานสภาฯ นำพารัฐสภาไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐสภาผู้นำของอาเซียนและรัฐสภาผู้นำของเอเซีย
จากนั้นเป็นการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โดยไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง
โดยนายภราดร แสดงวิสัยทัศน์ว่า ถือเป็นเกียรติ และไม่ใช่แค่เฉพาะตน แต่เป็นเกียรติของคนอ่างทอง ต้องขอขอบคุณพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน เพื่อนสมาชิก และวิปรัฐบาล

17 ปีที่ตนอยู่ที่สภาฯ เกือบจะครึ่งชีวิตที่ใช้เวลาอยู่ที่นี่ ตนทำงานอยู่ที่นี่ ผูกพันกับองค์กรแห่งนี้ เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของตน เมื่อที่นี่เป็นบ้านหลังที่สอง ตนก็อยากจะเห็นบ้านหลังที่สองมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และเป็นที่เชื่อมั่น เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชน
การจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ไม่ใช่เกิดขึ้นจากประธานและรองประธานทั้งสองคน แต่เกิดขึ้นจากสมาชิกสภาฯ ทั้ง 493 คน ในฐานะประธานและรองประธานสภาฯ พวกเรามีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนสมาชิกในการแสดงศักยภาพของตัวเองให้สูงที่สุด และปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้สมาชิกได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“ผมให้คำมั่นสัญญาว่า ผมจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของพรรคภูมิใจไทย จะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของเพื่อนสมาชิกฝ่ายรัฐบาล แต่ผมจะเป็นรองประธานของสภาฯ แห่งนี้ ของเพื่อนสมาชิกทั้ง 493 คน
ผมจะทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ผมจะทำหน้าที่ตามที่ประธานได้มอบหมายให้ปฏิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ เต็มกำลังสติปัญญา ผมจะยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมจะช่วยประธานในการทำให้สภาฯ แห่งนี้เป็นสภาของพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว
นายภราดร กล่าวต่อว่า พวกเราจะช่วยกันทำให้สภาแห่งนี้เป็นสภาของพี่น้องประชาชน พื้นที่ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารสถานที่ พี่น้องประชาชนจะต้องได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นลานประชาชนหรือห้องสมุด นอกจากนั้น พี่น้องประชาชนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสภาได้เต็มที่ เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด และสภาจะต้องเป็นสภาที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นสภาของพี่น้องประชาชน
“ผมขอย้ำกับประธานว่า ผมจะไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการฉวยโอกาสสร้างประโยชน์ทางการเมืองให้กับพรรคการเมือง หรือให้กับตัวเอง จากวันนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของการปฏิบัติหน้าที่ ผมไม่รู้ว่าจะทำหน้าที่ได้ดีหรือเป็นกลางในสายตาของใครได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ยืนยันกับประธานและเพื่อนสมาชิกว่าจะทำหน้าที่ดีที่สุด จะทำหน้าที่ร่วมกับประธานและเพื่อนสมาชิกทั้งหมด เพื่อที่จะสร้างศรัทธา สร้างความเชื่อมั่น และสร้างเกียรติยศให้กับสภาแห่งนี้ เป็นที่เชิดหน้าชูตาของพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว
จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า จะรีบนำชื่อนายพิเชษฐ์และนายภราดรขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งการประชุมวันนี้ถือว่าเป็นบรรยากาศดีมาก ไม่เสียเวลาเรื่องต่างๆ ที่ได้ประโยชน์น้อย วันนี้เราได้ประโยชน์ล้วนๆ จากนั้นได้กล่าวปิดประชุมในเวลา 11.39 น. เพื่อให้สส.เตรียมตัวอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 12-13 ก.ย.