“กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี เปิดรังศรีนครลำดวนยันเสมอ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี 2-2 ทำให้ยังคงอยู่อันดับรองสุดท้ายต่อไปในศึกโตโยต้า ไทยลีก 2017
เย็นวานนี้ (7 พ.ค.60) การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 นัดที่ 13 “กูปรีอันตราย” ศรีสะเกษ เอฟซี ทีมรองบ๊วยของตาราง ที่แข่งมาแล้ว 12 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 9 มีเพียง 7 คะแนน เปิดสนามศรีนครลำดวนต้อนรับการมาเยือน “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 11 ของตาราง ที่แข่งมาแล้ว 12 นัด ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 5 มีเพียง 17 คะแนน โดยนัดนี้ทั้งสองทีมต่างต้องการเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อขยับคะแนนขึ้นไปอยู่อันดับที่ดีกว่านี้ โดยเฉพาะทีมเจ้าบ้าน ศรีสะเกษ ที่ต้องการชัยชนะเป็นอย่างมาก เพื่อลุ้นขยับขึ้นไปอยู่ที่อับดับ 15 ของตาราง
นัดนี้เจ้าบ้าน ศรีสะเกษ เอฟซี ส่งแกนหลักอย่าง เลรอย ลิต้า จับคู่ล่าตาข่ายกับ เลอันโดร อัสซัมเซา ด้านทีมเยือน สุพรรณบุรี เอฟซี “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ กุนซือใหญ่ของทีมเยือนที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บ 9 คะแนนจาก 4 นัดหลังสุด ประสบปัญหาด้านตัวนักเตะเพราะไม่มี อนาวิน จูจีน แบ็กขวาที่ไม่สมบูรณ์ แต่ตัวจบสกอร์ยังจัดเต็มส่งทั้ง กิลเยร์เม่ เดลลาตอร์เร่ และ นิโคลัส เบเลซ เป็นตัวชูโรง ลงทำประตู โดยนัดนี้มีแฟนบอลของทั้งสองทีมเข้ามาชมและเชียร์เกมส์การแข่งขันในครั้งนี้กว่า 2 พันคน
ครึ่งแรกทั้งสองทีมต่างเปิดเกมส์บุกเข้าใส่กับอย่างสนุก และทั้งสองทีมต่างมีโอกาสที่จะได้ประตูขึ้นนำกันทั้งสองทีม แต่จังหวะสุดท้ายยังทำกันได้ไม่ดีพอ จนมาในนาทีที่ 34 เจ้าบ้าน ศรีสะเกษ ได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะ สมยศ พงษ์สุวรรณ์ ยิงไกลนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งชนคานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทำให้ ศรีสะเกษ เอฟซี ออกนำ สุพรรณบุรี เอฟซี ไปก่อน 1-0
ต่อมาในนาทีที่ 43 ทีมเยือน สุพรรณบุรี เอฟซี ได้ประตูตีเสมอจากจังหวะลูกชุลมุนหน้าปากประตูของเจ้าบ้าน และกองหลังสกัดบอลไม่ขาดมาเข้าทาง นิโคลัส เบเลซ ยิงบอลอัดเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ทำให้ สุพรรณบุรี เอฟซี ตามเสมอ ศรีสะเกษ เอฟซี มาเป็น 1-1 ก่อนที่เวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ทำให้จบครึ่งแรก ศรีสะเกษ เอฟซี ยังคงเสมอกับ สุพรรณบุรี เอฟซี 1-1
ครึ่งหลังทั้งสองทีมต่างเปิดเกมส์บุกเข้าใส่กันเหมือนกับครึ่งแรก เพื่อลุ้นทำประตูขึ้นนำให้ได้ แต่จังหวะยิงประตูของทั้งสองทีมยังทำได้ไม่ดีพอ ก่อนที่ในนาทีที่ 84 ทีมเยืน สุพรรณบุรี เอฟซี ได้ขึ้นนำอีกครั้งในจังหวะที่ ดีเอโก มาดริกัล เลี้ยงบอลจากริมเส้นเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายให้กับ นิโคลัส เบเลซ ยิงบอลเข้าไปให้ สุพรรณบุรี พลิกขึ้นนำ ศรีสะเกษ เอฟซี 2-1 ต่อมาในนาทีที่ 86 สุพรรณบุรี เอฟซี เหลือผู้เล่น 10 คน เนื่องจาก วสันต์ ฮมแสน ไปทำแฮนด์บอลนอกกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินในสนามเป่าหยุดเกมส์และให้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม เกมส์ทำถ้าจะจบด้วยชัยชนะของ สุพรรณบุรี เอฟซี แต่ในช่วงเวลาบาดเจ็บ เจ้าบ้านเฮลั่นสนามยิงประตูตีเสมอจนได้จากจังหวะที่ ธีระชัย งามเจริญ เปิดลูกเตะมุมเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนที่ เลอันโดร อัสซัมป์เซา โหม่งบอลตั้งให้ สุริยกานต์ ฉิมจีน โหม่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงามเป็นประตูตีเสมอ 2-2 ก่อนจบ 90 นาทีด้วยสกอร์ดังกล่าวแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้เจ้าบ้าน ศรีสะเกษ เอฟซี เก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนนจาก 13 นัด รั้งอันดับรองสุดท้ายต่อไป ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี แข่งเท่ากัน 13 นัดมี 18 คะแนน อยู่อันดับที่ 11 ของตาราง
ส่วนผลอีกคู่ที่สนามไอโมบาย สเตเดี้ยม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจอเรื่องดราม่าพลิกล็อกพ่ายให้กับ “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 3-4 ซึ่งทีมเยือนออกนำก่อนถึง 3-0 ในช่วง 19 นาทีแรกจาก สมปอง สอเหลบ น.10 , ทาคาฟุมิ อากาโฮชิ น.16 และ มาร์แซล แอ็สซงเบ น.19 แต่มีลูกฮึดมาได้ประตูตีเสมอทีเดียว 3 ประตูรวดจาก จาจ้า โคเอลโญ่ 2 เม็ด น.24 และ 62 รวมถึงจุดโทษจาก ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ น.68 ทว่าช่วงทดเวลาเจ็บนาทีสุดท้าย มาร์แซล แอ็สซงเบ เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้เจ้าบ้านน้ำตาตกทั้งสนาม ทำให้เจ้าบ้านมีแค่ 27 คะแนนจาก 13 นัด ตามหลังจ่าฝูง เอสซีจี เมืองทองฯ ถึง 7 คะแนนเข้าไปแล้ว
ผลการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 นัดที่ 13 ประจำวันที่ 6-7 พ.ค.60
ซุปเปอร์พาวเวอร์ สมุทรปราการ แพ้ แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-5
เอสซีจี เมืองทองฯ ชนะ ราชนาวี 4-0
การท่าเรือ แพ้ พัทยา ยูไนเต็ด 0-2
นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ชนะ ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง 1-0
อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด เสมอ ชลบุรี เอฟซี 0-0
เชียงราย ยูไนเต็ด เสมอ บีอีซี เทโรศาสน 1-1
บางกอกกล๊าส เอฟซี เสมอ สุโขทัย เอฟซี 2-2