วันที่ (29 พ.ย.) พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ในฐานะรองประธานและผู้อำนวยการ สโมสร อาร์มี่ยูไนเต็ด ชี้แจงกระแสข่าว พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานสโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ด มีคำสั่งยุบ สโมสรอาร์มี่ยูไนเต็ดว่า อยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะยุบหรือไม่ยุบ เนื่องจาก พล.อ.อภิรัชต์ ได้พิจารณาเงินสปอนเซอร์ที่ได้รับมา มีการใช้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์หรือไม่ เนื่องจากแนวคิดเดิมควรจะนำเงินมาพัฒนาทหาร เยาวชน บริเวณรอบค่าย ไม่ใช่นำเงินไปทุ่มเทกับฟุตบอลหรือกีฬาชนิดอื่น
พล.อ.เฉลิมพล กล่าวว่า เดิมอาร์มี่ยูไนเต็ด อยู่ในวงจรธุรกิจฟุตบอลคนที่ได้รับประโยชน์ปีละ 90 ล้านบาท ก็คือ โค้ชและนักเตะ โดยไม่ใช่การพัฒนานักเตะเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องไปซื้อตัวนักเตะมาใช้งาน และอยู่ที่ขั้นตอนการวางแผนของโค้ช โดยไม่ใช่โค้ชของกองทัพเองซึ่งเสียเงินไปไม่คุ้มค่า ซึ่งเราได้มีการลงนามเซ็นสัญญาไปบ้างแล้วกับโค้ช และนักเตะซึ่งเรื่องนี้ได้ให้ข้อมูลกับ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ไปหารือแล้วพูดคุยกัน ก่อนที่จะนำข้อมูลเสนอต่อผู้บัญชาการทหารบกถึงแนวทางที่ควรจะเป็น
พล.อ.เฉลิมพล กล่าวอีกว่า จริงแล้วกองทัพบก มีอยู่ 2 ทีมฟุตบอล คือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในชั้นลีก 2 อีกทีมหนึ่ง ก็คือ กองทัพบกเอฟซี หรือ ทบ.เอฟซี ซึ่งอยู่ในการดูแลของกรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งอยู่ในลีก 4 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า ในการหาทางออกที่ดีที่สุด ก็คือจะเอาทีม ทบ. เอฟซี มาใช้ชื่อใหม่เป็น อาร์มี่ ยูไนเต็ด แทน ซึ่งก็จะทำให้ตำนานทีมฟุตบอลกองทัพบก ตั้งแต่ปี 2459 จะได้ไม่สูญหาย จะได้ไม่เสียหายมาก เราก็จะใช้ทหารเป็นนักเตะและเป็นโค้ชคนไทย
“ถึงวันนี้เจ้ากรมสวัสดิการได้คุยแล้วว่า ผู้บัญชาการทหารบก น่าจะเห็นด้วยกับแนวทางนี้ เราก็ต้องทำใจเพราะการตั้งทีมขึ้นมาใหม่อาจจะแพ้บ้าง เหมือนทีมกองทัพอากาศที่สร้างขึ้นมาใหม่ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ดังนั้นแนวโน้มชัดเจนแล้วว่าการบริหารงานของทีมอาร์มี่ยูไนเต็ด แบบเดิมคงไม่เอาอีกแล้ว อาจจะมีการปรับปรุงทีมกันใหม่ ส่วนปัญหาเรื่องสนามฟุตบอลเราได้ไปหารือพูดคุยกับ สนามท่าเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนจะใช้สนามของท่าเรือหรือไม่ ในอนาคตอยู่ที่การตัดสินใจของประธานสโมสร” พล.อ.เฉลิมพล กล่าว