วัดโบสถ์ ซิตี้ ดูเหมือนว่ากระแสพักทีมฟุตบอลไทย กำลังจะได้เป็นอีกเทรนด์ฮิตที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคำว่าระบบฟุตบอลอาชีพ ความหนักแน่นที่ไม่เพียงพอนั่นคือสิ่งที่ผมได้รับผ่านคอมเมนต์จากพี่ท่านหนึ่งในบุคลากรที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทยยาวนาน
ไม่ใช่เพียง พีทีที ระยอง ที่ประกาศแถลงทางการพักทีมไร้กำหนดไปแล้วก่อนหน้า ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีความถนัดในการทำทีมฟุตบอล แม้ดูจะฟังไม่ขึ้นในสายตาแฟนบอลไทยหลายท่าน
แต่สำหรับนายทุนในฐานะเจ้าของทุนหลักที่โอบอุ้มสโมสร ก็คงจะมีเหตุผลในมุมของพวกเค้า อย่างไรก็ดีในเคสนี้เมื่อเทียบกับอีกทีม วัดโบสถ์ ซิตี้ ที่มีกระแสว่าจะพักทีมเช่นกัน
ผมคิดว่ายังไงก็แตกต่าง!!!
แม้ในแง่ของการพักทีมที่ต้องการจะแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีของมิดฟิลด์จอมดีเดือดที่มีจังหวะไปหวดคู่แข่งทีมปัตตานี เอฟซี จนถึงขั้นหามส่งโรงพยาบาลและมีอาการหนักเย็บอีกหลายสิบเข็ม
แต่ก็มีคำถามว่าการพักทีมกรณีนี้ถือว่าเป็นทางออกเหรอ เพราะหากมองและวิเคราะห์กันจริงจัง ผมก็คิดว่าทางออกของเคสนี้ น่าจะมีทางอื่นที่ดีกว่านี้ เพราะเคสนักเตะเข้าบอลรุนแรงใส่เพื่อนนักบอล หรือผู้ตัดสินที่ผ่านมา ก็ถือว่าเกิดขึ้นหลายครั้ง
แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นพักทีม ยุบทีม บทลงโทษรายบุคคล น่าจะเป็นเหตุผลที่เหมาะที่ควรมากกว่า และสโมสรฟุตบอลก็ควรก้าวเดินต่อไป
ซึ่งจากกรณีนี้ วัดโบสถ์ ซิตี้ ก็ได้ลงดาบนักเตะเจ้าปัญหาด้วยการยกเลิกสัญญานักเตะไปแล้ว ทว่าด้วยภาพที่ออกมาแม้จะเป็นเรื่องของบุคคล แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสโมสรในภาพรวมเชิงลบ
ดังนั้นในมุมนี้ เป็นไปได้ที่ผู้บริหารวัดโบสถ์ ซิตี้ อาจจะเลือกจะพิจารณา และไม่เดินต่อในการทำทีม แต่ถึงอย่างไรผมก็มองว่าอยากให้สโมสรใจเย็นๆ และคิดทบทวนให้ถี่ถ้วนน่ะครับ เพราะสโมสรฟุตบอลกว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ได้ ผมว่าวัดโบสถ์ ซิตี้ ผ่านอะไรมาเยอะ การที่แฟนบอลไทย รู้จักสโมสรได้ขนาดนี้ ผมว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาและทราบมาว่าสโมสรนี้ กองเชียร์นั้นติดตามให้กำลังใจทีมไม่น้อย
ที่สำคัญผมว่าทีมวัดโบสถ์ ซิตี้ ชื่อเสียงทีมนี้นั้นดังและเป็นที่รู้จักมาก่อนพอสมควร ก่อนที่จะมีเรื่องดรามาความรุนแรงในสนามเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลนี้ผมจึงคิดว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายน่ะครับ ที่สโมสรฟุตบอลทีมนึง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธาจากแฟนบอล จะหายไปจากสารบบฟุตบอลไทย
ทั้งๆที่เพิ่งคว้าแชมป์ประเทศไทย ระดับT4 ก่อนก้าวสู่T3 ในปี2020
ซึ่งผมเชื่อว่าหากต่อยอดและก้าวเดินต่อ จะก้าวเดินทางไกลได้แน่ๆ และผมเชื่อว่าแฟนบอล วัดโบสถ์ ซิตี้ หลายๆท่านก็น่าจะอยากเห็น ทีมรักของพวกเค้าก้าวเดินต่อไปในเส้นทางฟุตบอลไทย ต่อไป
จับมือกันไว้ครับ อดีตที่ผ่านมา เราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่อนาคตผมเชื่อเสมอว่าเราสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ แค่เพียงเรียนรู้จากบทเรียนที่ผ่านมา แม้ว่าบทเรียน บทนี้จะเป็นบทเรียนราคาแสนแพง มากที่สุดบทหนึ่งกับสโมสร วัดโบสถ์ ซิตี้ ก็ตาม
เช่นเดียวกับนักเตะก็น่าจะได้รับบทเรียนราคาแพงนี้เช่นกัน เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่าย ครับ ทั้งฝ่ายถูกกระทำ ก็ขอให้หายจากอาการบาดเจ็บไวๆ ซึ่งผมก็หวังใจน่ะครับว่าเคสความรุนแรงในสนามฟุตบอลนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะผลที่ได้ไม่ใช่เพียงโอกาสที่อาจจะหมดอนาคตบนเส้นทางลูกหนังตัวเองเท่านั้น
แต่นั่นยังอาจกระทบชิ่งไปถึงเพื่อนนักเตะของสโมสรที่อุตส่าห์สู้ฝ่าฟันกันมา ซึ่งหากพักทีมจริงๆขึ้นมาก็คงมีไม่น้อยที่คงไม่รู้ว่าอนาคตจะเดินไปทางไหน.
คอลัมน์ ล้วงลูกบอลไทย
เขียนโดย ยอดี้
เครดิตภาพเพจ Watbot City