ธนาธร ยกย่อง เพนกวิน กล้าหาญ – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาระบุว่า
ผมรู้จักเพนกวิ้นจากสื่อต่างๆ หลังรัฐประหาร ปี 2557 ในฐานะนักเรียนที่สนใจปัญหาสังคม เพนกวิ้น ในเวลานั้นอายุเพียง 17 ปี แสดงท่าทีต่อต้านรัฐประหาร ท้าทายอำนาจเผด็จการอย่างไม่เกรงกลัว ในขณะที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมต่างพากันเงียบกริบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมมองเขาด้วยความชื่นชมความเข้าใจปัญหาสังคมและความกล้าหาญของเขาเพนกวิ้นเป็นคนมุ่งมั่นจนอาจเรียกได้ว่ามุทะลุ ทำอะไรทำจริง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้นจนอาจเรียกได้ว่าขวางโลก ใครที่ไม่รู้จัก จึงอาจคิดว่าเขาไม่มีสัมมาคารวะ สำหรับผม มันไม่ใช่การไม่มีสัมมาคารวะ แต่เป็นการไม่พร้อมประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง เพนกวิ้นที่ผมรู้จักพร้อมเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมโดยไม่เกรงกลัวผลกระทบที่จะเกิดกับตนเอง
จนเมื่อปีที่แล้ว เพนกวิ้นและผู้กล้าหาญอีกหลายคนได้ออกมาพูดถึงความจริงและความจำเป็นของสังคมที่ไม่มีใครกล้าพูดมาก่อน นั่นคือการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผย แม้แต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเอง หลายคนแม้จะไม่ชอบวิธีการนำเสนอของเพนกวิ้น แต่ในใจของพวกเขาลึกๆย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือ “Inconvenient Truth” ที่พวกเขารู้สึกแต่ไม่กล้าพูดออกมาผลจากความกล้าหาญของเขาและเพื่อน ทำให้วันนี้เพนกวิ้นกลายเป็นผู้ต้องหาคดี 112 ถูกจำคุกไปแล้ว 51 วัน โดยไม่ได้รับการประกันตัว แม้จะมีการยื่นขอประกันตัวถึง 9 ครั้ง

ผู้พิพากษา ท่านกำลังเพิกเฉยต่อกฎหมายที่ท่านเองเป็นผู้พิทักษ์รักษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 ได้ระบุว่า “การสั่งไม่ให้ปล่อยชั่วคราว จะกระทำได้ต่อเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อเหตุใดเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะหลบหนี
(2) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
(3) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น
(4) ผู้ร้องขอประกันหรือหลักประกันไม่น่าเชื่อถือ
(5) การปล่อยชั่วคราวจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของเจ้าพนักงานหรือการดำเนินคดีในศาล
ในคดี 112 ส่วนใหญ่ ผู้พิพากษาไม่ให้ประกันตัวด้วยเหตุผลว่า “ผู้ต้องหาอาจทำผิดซ้ำ” ซึ่งเหตุผลนี้ยิ่งเป็นการละเมิดหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนสากล เพราะอาจหมายถึงผู้พิพากษาได้สันนิษฐานไปแล้วว่าจำเลยมีความผิดจริง ทั้งที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษาออกมา เพนกวิ้นเลือกที่จะปฏิเสธกระบวนการยุติธรรม และอดอาหารประท้วง ใช้สิ่งเดียวที่เขามีอำนาจเหนือ คือร่างกายของตน เป็นเครื่องเดิมพันกับสามัญสำนึกของผู้พิพากษาและกระบวนการยุติธรรมไทย 45 วันแล้วที่เพนกวิ้นอดอาหาร 45 วันที่กระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามมากขึ้นทุกวัน

ผมเรียกร้องให้ผู้พิพากษาใช้วิจารณญาณอย่างเที่ยงตรง ถี่ถ้วน ตุลาการคือเสาหลักที่ค้ำจุนสังคมไม่ให้ถอยกลับไปสู่กลียุค ผมไม่ได้ขออะไรมากไปกว่าให้ท่านทำตามหลักกฎหมาย จรรยาบรรณวิชาชีพ และสามัญสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ของท่านเอง ให้เพนกวิ้นและเพื่อนได้สิทธิประกันตัวตามที่จำเลยทุกคนพึงมี.ปล่อยเพื่อนเรา
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ