กรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข่าวกรมการกงสุลเพื่อคนไทย เรื่อง รู้ไว้ก่อนไป บูรไน โดยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. เป็นต้นไป บรูไน จะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอาญาภายใต้กฎหมายชารีอะห์ (Criminal Code Order) ที่มีบทลงโทษรุนแรง
โดยกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลามที่ควบคุมความประพฤติส่วนตัว และการกระทำต่อสาธารณชน โดยจะมีผลบังคับใช้ต่อชาวบรูไนทั้งหมดทั้งที่นับถือศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่นๆ รวมทั้งชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยใน บรูไน ด้วย
สำหรับมาตรการลงโทษจะพิจารณาจากฐานความผิด พฤติกรรมและการกระทำผิด อาทิ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การหมิ่นศาสนา การลักทรัพย์ การข่มขืน การผิดรักกับคนเพศเดียวกัน เป็นต้น โดยจะมีบทลงโทษจากสถานเบา ไปสู่สถานหนัก อาทิ การปรับ การจำคุก การเฆี่ยนตี การตัดมือและอวัยวะอื่นๆ การขว้างปาหินใส่ผู้กระทำผิด การแขวนคอ เป็นต้น
กรมการกงสุลขอแจ้ง เตือนคนไทยที่จะเดินทางไปบรูไน หรือพำนักอาศัยใน บรูไน ทราบถึงบทลงโทษของกฎหมาย ดังกล่าวซึ่งมีความรุนแรง โปรดปฏิบัติตามฎหมายของบรูไนอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงที่จะกระทำความผิดสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กรมการกงศุล และFBสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทาง แอมเนสตี้อินเตอร์เนชันแนล หรือองค์การนิรโทษกรรมสากล ออกแถลงการณ์ ต่อกรณีนี้ว่า เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยบทลงโทษนี้ใช้บังคับกับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
หากย้อนไปเมื่อปี 2014 สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงประกาศใช้กฎหมายอิสลาม โดยกำหนดช่วงเวลาการปรับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เป็น 3 ระยะ ได้แก่ การลงโทษผู้ที่มีบุตรนอกสมรส, ผู้ที่ไม่ไปละหมาดในวันศุกร์ และ ผู้ที่เผยแพร่ศาสนาอื่นที่ไม่ใช่อิสลาม
ความรุนแรงที่ปะปนในวิธีการลงโทษเกี่ยวกับ “กลุ่มรักร่วมเพศ” เริ่มปรากฏตั้งแต่ปี 2016 แต่กระแสต่อต้านจากทั่วโลกทำให้รัฐบาลบรูไน ตัดสินใจชะลอการประกาศใช้ออกไปชั่วคราว
