“บิ๊กตู่” สั่งรื้อคดีชาวบ้านจ.กาฬสินธุ์ ถูกตำรวจยะลา นำหมายศาลจับหิ้วตัวสั่งติดคุก ด้านยายอุ้มหลานเขียนหนังสือขอความเป็นธรรม
นางวราภรณ์ เปล่งแสง ผู้อำนวยการคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายสิทธิชัย ระหาญนอก นักวิชาการยุติธรรม และ นายยศชนินทร์ กะตารัตน์
นิติกรประจำสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ และสื่อมวลชนทุกสาขา ไปที่บ้านนางประไพนี อาทิกร อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 60/2 หมู่ 7 ต.สระพังทอง อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเข้าไปแสวงหาขอเท็จจริง
หลังเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 นางประไพนีฯ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านศูนย์ดำรงธรรม และให้รื้อฟื้นคดี ในโอกาสเดินทางตรวจราชการที่ อ.เขาวง
หลังเกิดเหตุตำรวจยะลา นำหมายศาลมาจับกุมตัวนางสาววารีรัตน์ สำเร็จงาน อายุ 37 ปี ลูกสาว ไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่อธิบายถึงเหตุผล โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560
ทันทีที่เจ้าหน้าที่ยุติธรรมและสื่อมวลชนไปที่บ้านหลังดังกล่าว พบนางประไพนี มารดานางสาววารีรัตน์ กำลังนั่งทอผ้ารับจ้างอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ติดพื้น สภาพเสื่อมโทรม โดยมีน้องเอ (นามสมมติ) อายุ 8 ปี หลานชาย ซึ่งเป็นบุตรชายนางสาววารีรัตน์ นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ยุติธรรมแสดงตัว สองยายหลานก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตันใจ หวพร้อมวิงวอนให้รื้อฟื้นคดี
นางประไพนี เล่าว่า ตั้งแต่นางสาววารีรัตน์ ลูกสาวถูกตำรวจยะลาจับตัวไป ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะติดต่อไม่ได้เลย โดยทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาวงเพียงว่าอยู่ในเรือนจำ จ.ยะลา ไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมได้ เพราะครอบครัวตนมีฐานะยากจน
โดยวันเกิดเหตุ มีชายแปลกหน้า 6 คนมาแสดงตัวจับกุมตัวลูกสาวของตนไป ซึ่งตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นจึงได้ไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน และร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.เขาวง เมื่อคราวที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาตรวจราชการที่ อ.เขาวง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2560 เพื่อให้มีการตรวจสอบ และรื้อคดี พร้อมกับยืนยันในความบริสุทธิ์ของลูกสาว
ด้านเจ้าหน้าที่ยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้น กรณีนางสาววารีรัตน์ฯ อาจจะตกเป็นแพะ ถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง เหตุมิจฉาชีพปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเปิดบัญชี ทั้งนี้ จะได้รวบรวมข้อมูลส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาผู้กระทำผิดดำเนินคดีต่อไป