สุดแสบ! คนร้ายทำทีสั่งอาหาร ก่อนแกล้งปล่อยสุนัขเดินในร้าน จากนั้นแอบฉกทรัพย์สินมีค่าใส่กระเป๋า หลบหนีลอยนวล
โดยขณะนี้ มีร้านอาหารโดนก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ร้าน ทั้งในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ล่าสุดภายใน 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีร้านในพื้นที่ตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยาไป ถูกคนร้ายก่อเหตุรวมกัน 3 ร้านค้า มูลค่าความเสียหายรวมกันไม่ต่ำกว่า 6แสนบาท
โดยภาพกล้องวงจรปิดจับภาพ รถเก๋งสีดำติดป้ายแดง ได้ขับรถมาจอด โดยจะไม่จอดบริเวณหน้าร้านเนื่องจากเกรงว่ากล้องวงจรปิดจะจับภาพได้ เมื่อคนร้ายลงจากรถ จะกางร่ม เพื่อปิดบังใบหน้า โดยคนร้ายเป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณ 50 ปี จะอุ้มสุนัขมาด้วยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และเมื่อเข้ามาในร้านแล้ว จะแกล้งทำทีปล่อยสุนัขให้เดินไปตามจุดต่างๆของร้าน ก่อนที่คนร้ายจะเดินตาม และอาศัยจังหวะฉกทรัพย์สินมีค่าในร้านใส่กระเป๋าเป้ที่เตรียมมา หลังจากนั้นคนร้ายเมื่อได้ทรัพย์สินแล้ว ก็จะบอกเจ้าของร้านว่า ขอเอาของไปเก็บไว้ที่รถก่อน จากนั้นจะถือโอกาสหลบหนีไป
นางลัดดา ปองกระรัตน เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น เล่าว่า ตอนแรกเห็นชายคนร้ายเข้ามาในร้านกับผู้หญิงอีก 1 คน โดยทั้งสองแต่งตัวดีดูมีฐานะ ซึ่งผู้หญิงได้สะพายเป้สีดำมา จากนั้นก็เลือกนั่งที่โต๊ะใกล้กับเคาน์เตอร์ ส่วนฝ่ายชายอายุประมาณ 50 ปี รูปร่างท้วม จากนั้นได้สั่งอาหารจำนวน 4 ชุด
จากนั้น ตนจึงเข้าครัวไปทำอาหาร โดยมีเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ซึ่งเป็นลูกเจ้าของร้านอยู่หน้าร้านเพียงคนเดียว ก่อนที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุปล่อยสุนัขเดินไปตามซอกต่างๆ และแกล้งเดินตาม ก่อนจะแอบขโมยทรัพย์สินจากกระเป๋าของเจ้าของร้าน ทั้งเงินสด นาฬิกา และทองคำ รีบนำใส่กระเป๋าเป้ ก่อนจะทำทีนำกระเป๋ากลับไปเก็บที่รถ และหลบหนีไป
ส่วน นางภิญญาดา ผึ่งสะอาด เจ้าของร้านขายนมสด เล่าว่า ถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุลักษณะเดียวกัน ก่อนโดนฉกโทรศัพท์มือถือไป โดยร้านที่คนร้ายเลือกลงมือมักจะเป็นร้านที่เปิดใหม่ เนื่องจากยังไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้ร้านค้าที่ถูกคนร้ายขโมยทรัพย์สินไปจำนวนหลายแสนบาทนั้น สุดที่จะทน โดยได้นำป้ายมาเขียนติดไว้ที่หน้ากระจกประตูร้าน โดยการเขียนบอกคนร้ายว่า “ไม่ต้องกลับมาอีกแล้วเนื่องจากหมดตัวแล้ว”
ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอกสมหมาย ประสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าขณะนี้เร่งให้ชุดสืบสวนจังหวัดและตำรวจสืบสวนในพื้นที่ ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าจะไปก่อเหตุที่อื่นอีก