หน้าฝนต้องระวัง เตือนภัย! น้ำกิ้งกือทำตาลูกน้อยเกือบบอด
น.ส.อัญชนา กายเพ็ชร อายุ 23 ปี อาชีพมัคคุเทศก์ ในพื้นที่อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองและลูกชาย อายุ 7เดือนเข้านอนอยู่ในห้องนอน จนเวลาประมาณ 2นาฬิกาเศษ ตนเองได้ลุกขึ้นเพื่อให้ลูกชายดื่มนมและเปลี่ยนผ้าอ้อมผืนใหม่ จากนั้นก็นอนต่อ ขณะที่ตนเองกำลังจะหลับ ได้ยินเสียงเบาๆจากที่ลูกชายที่นอนอยู่ข้างคล้ายเสียงตด ตนเองก็คิดว่าลูกชายคงจะอุจจาระ และคิดว่าเดี๋ยวค่อยลุกเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ใหม่ จากนั้นลูกน้อยก็ได้ร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด ทำให้ตกใจรีบลุกขึ้นเปิดไฟดู พบว่าลูกชายลืมตาไม่ขึ้น และพบกับหยดน้ำสีเหลืองริมขอบตา และลูกก็ร้องอย่างเจ็บปวด จึงรีบเช็ดน้ำสีเหลืองออกและอุ้มลูกขึ้นมาและพบว่าที่ใต้หมอนของลูกมีกิ้งกือสีดำตัวใหญ่ม้วนเป็นวงกลมอยู่ จากนั้นจึงรีบพาลูกไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลท้ายเหมืองชัยพัฒน์
ซึ่งหมอได้หยอดยา และให้กลับบ้านรอดูอาการ ด้วยความเป็นห่วงลูก ในช่วงเช้าจึงรีบพาไปพบจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลพังงา ซึ่งทางแพทย์บอกว่านับเป็นความโชคดีที่น้ำพิษไม่โดนตาดำ เพราะไม่นั้นจะทำให้ตาบอดได้ และบอกว่ากิ้งกือทุกชนิดมีน้ำพิษที่มีไว้ป้องกันตัว ซึ่งจะมีฤทธิ์เป็นกรด ส่วนจะมีพิษมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ คาดว่าตอนที่ลูกน้อยหลับอาจจะกลิ้งตัวไปทับกิ้งกือ จนทำให้มันปล่อยพิษใส่ดังกล่าว
นส.อัญชนา กายเพ็ชร กล่าวต่อว่า หลังจากได้พบกับจักษุแพทย์แล้ว ซึ่งได้ทั้งยากินและยาทามารักษา โดยตนเองสงสารลูกเป็นอย่างมากที่เกิดอาการอักเสบจะลืมตาด้านขวาไม่ได้เกือบ 1 อาทิตย์ จากนั้นก็กลายเป็นรอยไหม้ที่ริมขอบตา แต่อาการก็ทุเลาลงเรื่อยล่าสุดรอยแผลก็หายเป็นปกติแล้ว จึงอยากเตือนให้ทุกคนระวังภัยจากกิ้งกือโดยเฉพาะบนที่นอนให้ตรวจที่นอนก่อนนอนทุกครั้ง