แม่ไม่ทน โร่แจ้งความเอาผิด 4 รุ่นพี่ต่างด้าววัย 10-11 ขวบ หลังจับลูกวัย 7 ขวบล็อคแขน ก็ยัดอวัยวะเพศเข้าปาก อึ้ง ครูบอกเด็กอยากลองเอง!
จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์สอบถามหลังลูกชายเพื่อนถูกเด็กรุ่นพี่ที่โรงเรียน จับล็อคแขน ก่อนจจะบังคับยัดอวัยวะเพศเข้าปาก โดยเจ้าของโพสต์ได้ระบุว่า “ขอสอบถามค่ะลูกชายของเพื่อนเป็นเด็กอยู่ ป.1 อายุ 7 ขวบ โดนเด็กที่โรงเรียนซึ่งเป็นต่างด้าว พม่าและเขมรอายุ 10-11 ปี จับแขนทั้งสองข้างแล้วเอาอวัยวะเพศยัดปากน้อง 7 ขวบ ครูสอบถามและบอกว่าน้อง 7 ขวบอยากลองเอง และครูไม่เรียกพ่อแม่ของเด็กที่ทำความผิดมานัดเจอพ่อแม่ของเด็กที่เป็นเหยื่อครู แต่พูดว่าเด็ก 7 ขวบบอกอยากลองเอง
แบบนี้เราสามารถเอาผิดเด็กต่างด้าวได้ไหมคะ #กรณีนี้เคยมีเด็กโดนทำแบบนี้แล้วหนึ่งคน #แล้วตอนนี้ก็มีเพิ่มหนึ่งซึ่งเป็นลูกของเพื่อนเราเอง #เราสอบถามเด็กคนแรกที่โดนแล้วเด็กบอกไม่เคยพูดว่าอยากลองครูน่าจะแต่งเรื่องเองเพื่อให้เรื่องมันจบไป”

ต่อมาวันนี้เวลา 19.30 น. นางสาวเอนามสมมติ วัย 33 ปี แม่ของเด็กวัย 7 ขวบได้เดินทางมาแจ้งความกับทางพันตำรวจโทเอกชัย ภาควัตร รองผู้กำกับ(สอบสวน) สภ.บ้านบึง ว่าลูกที่เรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เรียนอยู่ชั้น ป.1 อายุ 7 ขวบ ถูกรุ่นพี่ในโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งเป็นกัมพูชา 1 คน และชาวเมียนมา 3 คน จับล็อกแขนขา แล้วให้อมอวัยวะเพศ และเมื่อได้มีการสอบถามครู ครูแจ้งว่าเด็กหยอกล้อกันเล่นและครูอ้างว่าลูกของตนอยากลอง แต่ไม่เป็นตามความจริง
จากการสอบถามนางสาวเอนามสมมติ แม่ของเด็กชายวัย 7 ขวบ ได้เปิดเผยว่า ตนได้มารู้กับลูกเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกัน ว่าถูกกลุ่มรุ่นพี่ในโรงเรียนที่อยู่ชั้น ป.5 และ ป.6 เป็นชาวกัมพูชา 1 คน และชาวเมียนมา อีก 3 คน ได้มีการจับล็อกแขนขาแล้วให้โอมอวัยวะเพศภายในวันเดียวกัน 2 คน ในเวลาเดียวกันอีกด้วย เพราะหลังเกิดเหตุลูกตนก็กลับมาบ้านปกติไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
จนกระทั่งแม่เพื่อนลูกชายได้มาสอบถามว่าลูกชายก็โดนกระทำเหมือนกัน และได้เล่าให้ฟังหรือไม่ จากนั้นจนจึงได้มาสอบถามลูกจึงได้เล่าให้ฟัง ยอมเปิดปากว่าถูกรุ่นพี่ทำการจับล็อกแขนขาแล้วให้อมอวัยวะเพศ แล้วต่อมาตนก็ได้เดินทางไปสอบถามทางโรงเรียน ครูก็ได้บอกว่าเด็กอยากลองเองเป็นการหยอกล้อกัน ซึ่งตนก็ไม่เชื่อเพราะทางลูกบอกว่าไม่ได้หยอกล้อและไม่ได้อยากลอง
ซึ่งในโรงเรียนนี้มีเด็กนักเรียนที่เป็นชาวเพื่อนบ้านกัมพูชาและเมียนมาจำนวนมากเกินกว่านักเรียนไทยก็ว่าได้ และอีกอย่างทางโรงเรียนก็รับเด็กนักเรียนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเรียนโดยอายุเยอะกว่าแต่เรียนด้วยกัน ก็มีอย่างเช่น อายุ 7-8 ขวบมาเข้าอนุบาลก็มี ซึ่งอายุก็ไม่สามารถมาร่วมกันได้แล้ว ก็เข้าใจว่าทางโรงเรียนหรือคุณครูอยากให้เด็กมีอนาคต แต่อยากให้คัดกรองให้มากกว่านี้ เพราะว่านิสัยของเด็กไม่เหมือนกัน และอีกอย่างหนึ่งตนก็ไม่รู้ว่านิสัยของเด็กประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างไร และมีการเล่นแบบไหน ซึ่งอายุเยอะแต่เรียนชั้นเดียวกันก็มี