รวบผู้ต้องหาขนไอซ์ แต่ เจ้าเข้า ระหว่างทาง วุ่นตำรวจเจรจากับเทพเจ้า

แต่ละมื้อแต่ละเดย์ ตำรวจ รวบผู้ต้องหาขนไอซ์ น้ำหนัก 5 กิโลกรัม แต่กรรมของชุดจับกุม ระหว่างทาง “เจ้าเข้าทรง” วุ่นทำการเจรจากับเทพให้ออกไปก่อน

ข่าวประเด็นร้อน กรณี ตำรวจ รวบผู้ต้องหาขนไอซ์ น้ำหนัก 5 กิโลกรัม โดย ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสมยศฯ อายุ 67 ปี และ นางมาลีฯ อายุ 63 ปี สองสามีภรรยา ในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อในความครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถหลังโรงพยาบาล อ.แม่สาย จ.เชียงราย

สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด โดยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจ สภ.สบปราบ จ.ลำปาง ได้จับกุมผู้ต้องหารายหนึ่งพร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักรวม 5 กิโลกรัม ซึ่งซุกซ่อนมาในกระเป๋าสัมภาระขณะโดยสารมากับรถประจำทางสายแม่สาย-กรุงเทพฯ จากการสอบสวนขยายผล ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่าได้รับยาเสพติดดังกล่าวมาจากนายสมยศฯ และนางมาลีฯ สองสามีภรรยา พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดลำปางออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง

ข่าวที่น่าสนใจ

รวบผู้ต้องหาขนไอซ์ แต่ เจ้าเข้า

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.5 บก.ทล. ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบบุคคลที่มีลักษณะคล้ายผู้ต้องหาตามหมายจับปรากฏตัวอยู่บริเวณโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางแผนและเข้าตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้พบชายและหญิงลักษณะตรงตามที่ได้รับแจ้ง จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นนายสมยศฯ และนางมาลีฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับจริง จึงได้เข้าควบคุมตัว

แต่ในระหว่างการนำตัวมายังที่ทำการของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น นางมาลีฯ ได้เกิดอาการผิดปกติ มีอาการตัวสั่นและพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งนายสมยศฯ อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าภรรยาของตนมีอาการ “เจ้าเข้า” เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงต้องใช้ความพยายามในการเกลี้ยกล่อมและเจรจาให้นางมาลีฯ สงบสติอารมณ์ และเชิญให้ “เจ้าทรง” ออกจากร่างไปก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมายได้ จนในที่สุดนางมาลีฯ ก็สงบลง จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป