เตรียมตั้งเมรุลอย! สภาทนายความ เดินหน้า ให้การช่วยเหลือ 23 ครอบครัว ผู้สูญเสีย ยืนยัน พร้อมช่วยเหลือด้านกฎหมาย ในอนาคต
จากเหตุการณ์รถบัสโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเหตุเพลิงไหม้ ที่บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้าช่องทางด่วนหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้มีนักเรียน ครูเสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เมื่อวานวันที่ 2 ต.ค ที่ผ่านมา ได้มีการจัดขบวนนำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 คน กลับจังหวัดอุทัยธานีบ้านเกิดเพื่อทำพิธีศพแล้ว
- หดหู่! พิธีศพวันแรก ญาติร่ำไห้ ทำใจไม่ได้ เหตุไฟไหม้รถบัส ดับ 23 ราย
- เปิดผลตรวจ ไฟไหม้รถบัสนักเรียน อึ้ง! แอบติดถัง ‘ก๊าซเถื่อน’ เพิ่มเอง 5 ถัง
- อัปเดตอาการ เด็กหญิงวัย 14 เหยื่อไฟไหม้รถบัส บาดแผลดีขึ้น ขยับตัวได้
ล่าสุดวันนี้ 6 ต.ค. 2567 บรรยากาศงานบำเพ็ญกุศลครูและนักเรียนที่เสียชีวิตจากเหตุรถบัสไฟไหม้ ซึ่งจัดขึ้น ที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ยังคงมีพิธีบำเพ็ญกุศลให้กับผู้ล่วงลับ ถวายเพลพระภิกษุสงฆ์ โดยมีครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต และประชาชนจากพื้นที่ใกล้เคียงมาร่วมงานเพื่อแสดงความอาลัยกันอย่างเนืองแน่น
โดยวันที่ 8 ต.ค. 2567 จะมีการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมีการจัดเตรียมสถานที่บริเวณสนามฟุตบอลของทางโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม มีการนำหินคลุกมาปรับพื้นที่และเตรียมประกอบเมรุลอยไว้ใช้ในพิธี
ทางด้านนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมทีมงาน ได้เดินทางมาร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล ในรอบเช้า และพูดคุยให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสียและให้คำแนะนำทางด้านกฎหมาย หากต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในอนาคต
นายกสภาทนายความฯ กล่าวว่า สภาทนายความมาให้คำปรึกษาและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการเยียวยา โดยในอนาคตหากมีเรื่องเกี่ยวกับคดีความ สภาทนายความก็พร้อมที่จะเข้าไปให้การช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ทางผู้ปกครองของนักเรียนและครอบครัวของคุณครูที่เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน นายวิเชียร ยังให้ความเห็นด้านกฎหมาย เรื่องของสิทธิ์การรับเงินเยียวยา ที่ตามกำลังมีประเด็น ว่า แม่ไม่ได้เลี้ยงดู ปล่อยให้พ่อกับป้าเลี้ยงดู แต่มาใช้สิทธิ์ในการรับเงินเยียวยา ว่า ตามหลักกฎหมาย ให้สิทธิ์แม่เป็นเป็นผู้รับเงินเยียวยา
แต่กรณีที่เด็กอยู่ในความดูแลของลุงป้าน้าอานั้น ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่คงต้องมีการพูดคุย ตกลงกัน เพราะจะเอาแง่ของกฎหมายมาดำเนินการอย่างเดียวก็คงไม่เหมาะสมมากนัก คงต้องพูดคุยประสานงานกันและยอมรับบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งกันและกัน
และจากการที่ได้พูดคุยกับทางครอบครัวของผู้สูญเสีย บางส่วน พบว่ามีสภาพร่างกายและจิตใจที่ผ่อนคลายขึ้น หลังจากมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือ
