เปิดคลิป นาทีคนร้ายบุกปล้นชิงทอง กลางห้างดังย่านมีนบุรี กวาดทองหนัก 40 บาท ก่อนหนี ล่าสุดเจอรถคนร้ายแล้ว ตำรวจกำลังเร่งตามล่าตัว
เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุว่า เมื่อเวลา 11:20 เกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองในห้างดังย่านสุขาภิบาล 3 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี จึงประสานสายตรวจเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการสอบถามผู้จัดการร้านแจ้งว่า มีชาย 1 คน สวมเสื้อแขนยาวสีดำแบบมีฮูด กางเกงยีนสีดำ รองเท้าแตะ กระเป๋าสะพายไหล่สีดำสายสีแดง โดยได้ชิงทองจำนวน 1 ถาด น้ำหนักทองประมาณ 40 บาท ใส่กระเป๋าที่สะพายมา แล้ววิ่งหลบหนีไปบริเวณหน้าห้าง โดยใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีฟ้า ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน โดยด้านหลังมีกล่องไรเดอร์สีส้ม ขี่หลบหนีไป
ต่อมา ตำรวจสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องสงสัยได้ คือ นายพงษ์ศธร มะหะมาน อายุ 26 ปี พำนักอยู่แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถต้องสงสัยภายในซอยราษฎร์พัฒนา คือ ฮอนด้าเวฟ สีฟ้า ติดแผ่นป้ายทะเบียน 3 ขข กรุงเทพมหานคร 9636 มีกล่องไรเดอร์สีส้มอยู่ท้ายรถ พร้อมหมวกกันน็อคสีเขียวคาดสีดำวางอยู่ โดยคนร้ายได้ยืมรถมาจากเพื่อน เจอรถที่ใช้ก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่เจอตัว ทิ้งรถมอไซค์ แล้วเรียกแท็กซี่สีส้ม ขึ้นไปจากปากซอยราษฎร์พัฒนา 23 ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงได้ดำเนินการยึดเอาไว้ตรวจสอบ และเร่งตามล่าตัวคนร้าย
ด้านพนักงานร้านทองที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ขณะเกิดเหตุนั้นมีพนักงานอยู่ในร้าน 4 คน เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วงเช้า จึงมีแค่ตอนที่อยู่หน้าร้านเพียงแค่คนเดียว โดยขนาดนั้นมีลูกค้าอยู่ในร้าน 2 คน สักพักหนึ่งก็มีชายรูปร่างสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ผอม แต่งกายปิดบังใบหน้า คุมมิดชิด เดินเข้ามาภายในร้าน ก่อนที่จะกระโดดปีนเคาน์เตอร์ไปเปิดตู้กระจกที่เก็บทองในร้าน แล้วหยิบถาดทองมา 1 ถาด ก่อนจะเก็บเอา สร้อยคอทองคำรูปพรรณเหล่านั้นใส่กระเป๋า คาดว่าน้ำหนักรวมประมาณ 40 บาท โดยใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที คนร้ายก็วิ่งออกจากร้านไป
ตอนนั้นตนตกใจอย่างมากและหวาดกลัวว่าเขาจะมีอาวุธ จึงรีบก้มหลบ แต่ทั้งนี้ตนไม่สังเกตเห็นอาวุธหรือตัวคนร้ายชักอาวุธขึ้นมาแต่อย่างใด ยอมรับว่าขณะที่เกิดเหตุนั้น มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างอยู่หน้าร้าน แต่คนร้ายใช้เวลาก่อเหตุอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ไม่มีใครได้ทันได้ตั้งตัว ผู้สื่อข่าวได้สอบถามอีกว่าก่อนหน้านี้ มีบุคคลแปลกหน้ามาทำทีสังเกตการณ์หน้าร้านหรือไม่ พนักงานคนนี้ตอบเพียงว่าไม่ทันได้สังเกต
