สำนักปู่ฤาษีตาไฟ อ้างมีอิทธิฤทธิ์รักษาโรคจากคุณไสย ลวงค่ารักษากว่า 3 หมื่นบาท จนท. แฉยับใช้แค่ด่างทับทิมให้ดูเป็นเลือด
จากกรณีมีชาวบ้านใน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ไปรักษามาหลายที่แล้วแต่ก็ยังไม่หายสักที จึงได้ตัดสินใจเข้าพึ่ง “สำนักปู่ฤาษีตาไฟ” ที่อ้างว่ามีอิทธิฤทธิ์ และวิชาอาคมที่สามารถรักษาโรคจากคุณไสยต่าง ๆ ได้
เสียเงินหลักหมื่น แต่โรคไม่หาย!
ปู่ฤาษีอ้างว่าผู้เสียหายมี “กระดูกและหนังควายในท้อง” ต้องจ่ายค่าถอนคุณไสย 30,000 บาท ชาวบ้านหลงเชื่อ ยอมจ่ายเงินหวังให้อาการปวดหายขาด แต่หลังจากเข้ารักษา อาการป่วยยังไม่ดีขึ้น ทำให้ผู้เสียหายร้องเรียนไปยังกระทรวงสาธารณสุข
ล่าสุด (14 ก.พ. 68) นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นำกำลังตำรวจ สภ.ชะอำ บุกตรวจค้นสำนักปู่ฤาษีตาไฟ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลับตาคน ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวติดกระจกดำ ปรากฏว่าปู่ฤาษี และภรรยาหลบหนีออกจากพื้นที่ไปตั้งแต่ช่วงเช้า

สายลับสาวเปิดโปงพิธีกรรมสุดแปลก คิดค่าถอนของ 70,000 บาท!
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ส่งสายลับสาวปลอมตัวเป็นผู้ป่วยเข้าไปสังเกตการณ์ เมื่อเธอแจ้งว่ามีอาการปวดท้อง ปู่ฤาษีเรียกเก็บค่าถอนคุณไสย 70,000 บาท ขณะทำพิธีกรรม ปู่ฤาษีใช้ไม้จิ้มตามร่างกาย และร่ายมนต์ ก่อนจะมี “น้ำสีแดง” ไหลออกจากอวัยวะเพศหญิงของสายลับ ซึ่งปู่ฤาษีอ้างว่าเป็นเลือดจาก “หนังควายที่อยู่ในท้อง“
อย่างไรก็ตาม สายลับสาวยืนยันว่าไม่มีของเหลวใดไหลออกจากร่างกาย คาดว่าปู่ฤาษีอาศัยจังหวะเผลอ ใช้น้ำสีแดงราดลงบนพื้น พร้อมนำกระดาษชำระห่อบางสิ่งบางอย่าง อ้างว่าเป็นเลือด และหนังควายที่ถูกถอนออกมา

- ฉาว! เจ้าอาวาส ทิ้งสบงแปลงโฉมเป็นคุณพี่ ควงสีกาเข้ารีสอร์ทสวีททั้งคืน
- ชาวเน็ตเอ็นดูหนัก! พ่อหนุ่มฝรั่ง กะกอด Bro. แต่โดนพระปัดมือแทบปลิว
- โต้แล้ว! พระถือแบรนด์เนมเดินห้าง ยัน เป็นกระเป๋าผ้า ราคา 3-4 ร้อย
พิสูจน์ความจริง! ทดลองน้ำแดงฉีดกระดาษ = กลโกงมนต์ดำ
นายกองตรี ดร.ธนกฤต ทดลองพิสูจน์ด้วยการนำด่างทับทิมทาบนกระดาษทิชชู ก่อนใช้ฟ็อกกี้ฉีดน้ำ พบว่ากระดาษ และน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง คล้ายกับที่ปู่ฤาษีใช้ในพิธีกรรม หลักฐานนี้ตอกย้ำว่าเป็นเพียงเทคนิคหลอกลวง ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ทางไสยศาสตร์แต่อย่างใด

ตั้งข้อหาหนัก! หมอเถื่อน-ฉ้อโกง
เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุขตั้งข้อหา “ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ” เป็น “หมอเถื่อน” และ “ฉ้อโกงประชาชน” พร้อมให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรีแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย