นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ ‘สายไหมต้องรอด’ พา ‘ป้าพร’ เจ้าของร้านขายของชำ ในซ.พหลโยธิน 52 เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต 5 นาย ที่เข้ามาตรวจค้นร้านขายของชำ และยัดบุหรี่ปลอมให้ผู้เสียหาย จากนั้นเรียกผู้เสียหายขึ้นรถ และขับวนเพื่อรีดทรัพย์ เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท แต่ ‘ป้าพร’ ไม่ยินยอม ร้องขอให้พาไป สน.บางเขน สุดท้ายเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้บังคับเอาเงินที่อยู่ในย่ามของป้าพร ผู้เสียหายไปจำนวน 5,500 บาท
ป้าสุณาภรณ์ หรือ ‘ป้าพร’ อายุ 75 ปี เจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า วันเกิดเหตุ เมื่อวันจันทร์ ที่ 13 ก.พ. เวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา มีชาย 5 คน ขับรถตู้ มาจอดหน้าร้านขายของชำของป้า บางคนสวมใส่เสื้อชุดข้าราชการสีกากี บางคนสวมใส่เสื้อกั๊กสีดำ ข้างหลัง เขียนว่ากรมสรรพสามิต อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต เข้ามาขอตรวจค้นภายบุหรี่ภายในร้าน ขอดูใบอนุญาตขายสุรา และไป 2 คอตตอน ไปตรวจสอบภายในรถตู้ และเดินกับมาบอกป้าว่า บุหรี่ปลอม 1 คอตตอนนะ พร้อมถ่ายรูปบุหรี่กับตน แต่ป้าพรยืนยันว่าบุหรี่ของป้าเป็นบุหรี่จริง พร้อมกับมีการแสดงใบเสร็จ ที่ซื้อจากร้านขายส่งให้ดู ทั้งนี้เมื่อตนจับคอตตอนบุหรี่พบว่าเป็นซองอ่อนไม่เหมือนที่ซื้อมาเป็นซองแข็ง
ป้าพร เล่าต่อว่า หลังจาก จนท.บอกว่า บุหรี่ในร้านเป็นบุหรี่ปลอม ตนสามารถจับสังเกตได้ว่า จนท. มีการสลับบุหรี่ เนื่องจากมองว่า บุหรี่จริงของตนมีน้ำหนัก ส่วนบุหรี่ที่ จนท.นำมาให้ดู และระบุว่าปลอม มวลบุหรี่มีน้ำหนักเบา และซองก็แฟบ ตนจึงตั้งข้อสังเกตกับเจ้าหน้าที่ว่า หากเป็นของปลอมต้องปลอมทั้งหมด จะมาปลอมแค่ 2 คอตตอน ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ ที่ตนซื้อมาขายมีทั้งหมด 5 คอตตอน ไปซื้อมาจากร้านกลางซอย มีใบเสร็จถูกต้อง และขายไปแล้ว 3 คอตตอน ไม่มีลูกค้าคนไหนมาร้องเรียนเลยว่าเป็นบุหรี่ปลอม
ป้าพร ยังระบุว่า หลังจาก จนท. ยืนยันว่าพบบุหรี่ปลอมในร้านของตน จนท. ได้ดึงคุณป้า ให้ไปพูดคุยบนรถ พร้อมกับล๊อคประตู ซึ่งตอนนั้นรู้สึกกลัว และตกใจมากเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ ตอนอยู่บนรถก็คิดว่า “ถ้าหากเขาไม่ปล่อยให้ป้าลงมา หลานของป้าจะอยู่กับใคร”
ป้าพร เล่าถึงเหตุการณ์ระหว่างอยู่บนรถกับ จนท. ว่า จนท. พยายามรีดทรัพย์ ระบุชัดจำนวนเงินชัดเจนเลยว่า 20,000 บาท แต่ตนได้บอกกับ จนท. ไปว่า ไม่มี และยอมติดคุก หลังจากที่บอกไปว่าไม่มี จนท. ก็พาขับรถวนไปรอบๆหมู่บ้าน เพื่อพยายามจะรีดทรัพย์ให้ได้ พร้อมกับใช้คำพูดลักษณะ ว่า “ในกระเป๋ามีเท่าไหร่ ในตัวมีเท่าไหร่” ตนจึงตอบไปว่า ไม่ได้นับเพราะเป็นเงินขายของวันนี้
จากนั้น จนท.บอกว่า “ล้วงมา ล้วงมา” ซึ่งขณะนั้น จนท. ไม่รับเงินเอง แต่ให้ตนเป็นคนล้วงจากกระเป๋าแล้ววางลงใส่ในกระติกน้ำแข็งที่เตรียมมาให้ ก่อนจะมาทราบว่า เงินที่ให้ไปเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท แต่จริง ๆ ป้าแอบหยิบเก็บไว้ 200 บาทไว้ติดตัว ไม่เช่นนั้นเท่ากับว่ายอดรวมที่ถูดรีดทรัพย์ไปนั้นอยู่ที่ 5,700 บาท ป้าพร เล่าต่อว่า เมื่อ จนท. ได้เงินแล้ว จากนั้นก็ส่งตนลงจากรถ พร้อมกับสั่งว่าห้ามไปพูดเรื่องนี้กับใคร ห้ามไปแจ้งความ ไม่เช่นนั้นจะเอาหนัก
นายเอกภพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนเคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางเพจแล้วแต่ยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะเอาผิดคนก่อเหตุได้ แต่เคสดังกล่าว ทางผู้เสียหายมีพยานหลักฐานครบ จึงนำเรื่องนี้มาเปิดเผยและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจัดการ หากตรวจสอบแล้วเป็นเจ้าหน้าที่จริงก็ไม่ควรเอาไว้เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ในคราบโจร
ด้าน พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน ระบุว่า เบื้องต้นถือว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดกรรโชกทรัพย์ ต้องมีการสอบปากคำผู้เสียหายรวมถึงพยานในจุดเกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด และหากพบว่าพฤติการณ์เข้าข่ายจนถึงขั้นสามารถแจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ด้วย ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาดังกล่าวเช่นกัน
พร้อมกันนี้ ต้องตรวจสอบด้วยว่ากลุ่มคนดังกล่าวเป็นเจ้าที่ของกรมสรรพสามิตรจริงหรือไม่ โดยจะมีการประสานไปที่ต้นสังกัดว่าในวันและเวลาดังกล่าวได้มีการสั่งการให้มาตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวจริงหรือไม่
ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่น ๆ
Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY