จมบาดาล! ลาวเจอพายุยางิ พัดถล่ม ทำน้ำป่าไหลหลากระดับน้ำถึงขีดอันตราย เขื่อนน้ำทา 3 น้ำล้นท่วมสถานีไฟฟ้า เร่งอพยพประชน
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว รายงานว่า หลังฝนที่ตกหนักต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) จากไต้ฝุ่นยางิที่อ่อนตัวลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ได้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังกินบริเวณกว้างภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็นแดนงาม เมืองบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา เมืองชายแดนที่มีพื้นที่ติดกับเมืองบ่อหาน เขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นต้นทางของทางรถไฟลาว-จีน
ตามรายงานข่าวระบุว่า น้ำที่ท่วมขังได้สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของนักลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ รถยนต์หลายคันจมน้ำ เพราะถนนหลายสายในเขตเศรษฐกิจพิเศษมีน้ำท่วมขังในระดับที่สูง รวมถึงบ้านเรือนของประชาชนที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบต่างได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้
นอกจากเขตเศรษฐกิจบ่อเต็นแดนงามแล้ว ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดมวลน้ำขนาดใหญ่จากแม่น้ำทา ไหลเข้าไปยังเขื่อนน้ำทา 3 เขื่อนผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของเมืองหลวงน้ำทา แขวงหลวงน้ำทา จนเกิดน้ำล้นไหลเข้าไปท่วมสถานีไฟฟ้าและอาคารสำนักงานที่อยู่หลังเขื่อน สร้างความหวาดผวาให้ประชาชนชาวเมืองหลวงน้ำทา ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อน
ขณะที่ในตัวเมืองหลวงน้ำเอง ก็เกิดน้ำหลากอย่างรวดเร็วเข้าท่วมบ้านโพนไซ เมืองหลวงน้ำทา อย่างกะทันหัน เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำเรือออกให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ภายในบ้าน ส่วนที่บ้านนาเตย จุดเชื่อมต่อระหว่างเส้นทาง R3a กับถนนสาย 13 เหนือ ปริมาณน้ำห้วยเตยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนล้นขึ้นไปท่วมสะพานนาเตย
นอกจากแขวงหลวงน้ำทาแล้ว ฝนที่ตกหนัก ทำให้หลายพื้นที่ของแขวงไซยะบูลี แขวงอุดมไซ แขวงบ่อแก้ว ได้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน ถนนหลายสายถูกน้ำเซาะจนขาด และเกิดดินโคลนถล่มลงมาปิดเส้นทาง จนไม่สามารถใช้เดินทางได้
ที่เมืองหงสา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินที่มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในลาว ของบริษัทหงสา พาวเวอร์ กระแสน้ำได้ไหลเซาะถนนเชื่อมระหว่างบ้านหานไปยังตัวเมืองหงสา จนถนนถูกตัดขาด รถยนต์คันหนึ่งซึ่งกำลังวิ่งอยู่บนถนนตกลงไปในร่อง ได้รับความเสียหาย
ล่าสุด แผนกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมืองหลา แขวงอุดมไซ ได้ออกประกาศด่วนแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำพาก ในเขตเมืองหลา ให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะในเวลา 14.00 น.ของวันนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำพากได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงระดับอันตรายแล้ว.
