ปอ ดนุภัทร และ แซน วิศาพัช เปิดใจหลังมีการ จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ลั่น การจำลองต้องตรงไปตรงมา ย้ำ คนไทยเสพข่าวอย่างสติ
วันที่ 16 มกราคม 2568 หลังจากที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีการ จำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ เสร็จสิ้นแล้ว และจะมีการแถลงต่อในช่วงบ่าย ซึ่งระหว่างนั้นคนบนเรืออย่าง ปอ ดนุภัทร และ แซน วิศาพัช ก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชน พร้อมกับทนายความโดยทั้งคู่ได้กล่าวถึงการจำลองดังกล่าว
ทางด้าน ปอ ดนุภัทร กล่าวว่า คนที่สูญเสียวันนี้ขั้นต้นเนี้ยคือเพื่อนเรา เราเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่คนที่มาหาประโยชน์จากการสูญเสียเนี้ย ไม่ควรเอาสิ่งนี้มาเป็นโอกาส ถ้าวันนี้ทุกคนถามว่าผมรู้สึกยังไง เรารู้สึกแบบนี้ เพื่อนเรา แตงโม ภัทรธิดา ได้จากไปอย่างสงบแล้ว เราขอบคุณที่วันนี้มีการจำลอง แต่ทำให้มันตรงไปตรงมา เพื่อที่มันจะได้ชัดเจน
ข้อมูลที่เราให้มีอยู่ในสำนวน เราขอย้ำ การจำลองมันมีอยู่ในสำนวนแล้ว สำหรับแม่แตงโม ก็มีการคุยอัปเดตตลอด เป็นคุณแม่เพื่อนที่ผมรักและเคารพ วันนี้ที่มีการจำลอง คุณแม่ยังไม่ได้โทรมา และยังไม่เคยคุยกันเรื่องการจำลอง เพราะเชื่อว่าคุณแม่เป็นคนที่รู้ข้อเท็จจริงที่สุด เมื่อสื่อถามต่อว่า ที่คุณแม่บอกว่ายังโกรธคนบนเรืออยู่ ปอ กล่าวว่า ผมคิดว่าคุณแม่เป็นคนสูงอายุ เขาอาจจะมี Emotion บ้าง แต่คุณแม่ไม่เคยว่าผม ผมเคยปฏิบัติตนกับคุณแม่ยังไง ตอนนี้ผมก็ปฏิบัติตนแบบเดิม ผมรักคุณแม่ครับ
ส่วนทางด้าน แซน วิศาพัช กล่าวว่า การตกท้ายเรือเนี้ย มันมีรายละเอียดปีกย่อยเล็กๆน้อยๆ ถ้าคุณหมอเขาอยากทราบพี่ปอก็ได้แจ้งไปแล้ว แซนกล่าวต่อว่า ไม่กังวลใจ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามั่นใจมากด้วยซ้ำว่ายังรอดูเขาจะเปิดอะไรออกมา ว่าจะใช้ข้อวิชาการหลักวิทยาศาสตร์ข้อไหนเอามาสนับสนุนให้สิ่งที่เขากำลังทำอยู่เนี้ย มันมีเนื้อหาสาระสำคัญพอที่จะเอามาเปลี่ยนสำนวนคดีได้อ่ะค่ะ
อยากให้ประชาชนดูให้ดีว่าสิ่งที่เขาทำ เขาเจตนาเพื่อหาความยุติธรรมจริงหรือเปล่า หรือหาประโชยน์เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือเปล่า ฝากประชาชนให้กลั่นกรอง ไม่ใช่ได้ยินปุ๊บก็มาด่าเลย และในตอนท้าย แซน ยังฝากถึงกลุ่มคนที่ทำการจำลองเหตุการณ์ว่า เพราะเขาเป็นวิศวะกรไม่ใช่ทนายความ เขาก็เลยไม่ทราบข้อกฎหมายเรื่องพวกนี้ว่า จะเอาอะไรมาอยู่ดีๆเข้าสำนวนคนอื่นมันไม่ได้ ต้องเรียนให้จบเนติก่อนแล้วค่อยมาเล่นบทนี้ค่ะ ฝากถึงคนไทยเสพอย่างมีสติค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ก่อนที่เราจะไปด่าคนอื่น เราต้องคิดหลายๆมุม คิดถึงหลักข้อเท็จจริงนะคะ สำคัญค่ะ ไม่อย่างงั้นประเทศเราก็จะเป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซนเตอร์แบบนี้แหละค่ะ
