อัยการ ชี้ คดีสมรักษ์ ความผิดสำเร็จ ถ้ารับผิดชอบ ศาลสั่งอาจรอลงอาญา

คดีสมรักษ์ อัยการปรเมศวร์ ชี้ ความผิดสำเร็จ แต่หากแสดงความรับผิดชอบในบางเรื่อง ก็จะเป็นเหตุให้ศาลพิจารณาสั่งลงโทษจากจำคุกเป็นรอลงอาญาได้

วันที่ 11 ธันวาคม 2566 คดีสมรักษ์ กลายเป็นประเด็นร้อนมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ ล่าสุด นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในคดีนี้ข้อเท็จจริงที่มีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพรากผู้เยาอายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพิสูจน์ได้ว่าตัวเด็กผู้เสียหายไม่มีความยินยอม แต่หากตัวเด็กมีความยินยอมไปกับทางผู้กระทำความผิดก็จะเข้าความผิดตามมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท ซึ่งในมาตรา 319 นี้โทษปรับจะมีอัตราโทษปรับที่ถูกกว่ามาตรา 318 เพราะตัวผู้เสียหายยินยอมไปกับผู้ทำความผิด

ซึ่ง จากข้อมูลที่ นายสมรักษ์ ออกมาว่า เมื่อรู้ว่าฝ่ายหญิงอายุ 17 ปี จึงได้หยุดการกระทำและแยกย้ายกันนอน หากประกอบกับภาพถ่ายที่ฝ่ายหญิงมีการนำเอาเปิดเผยเป็นภาพที่นอนอยู่บนเตียง จึงเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง “จึงถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว” ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ ต้องมีการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งหมด และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของศาล โดยปกติใน “คดีพรากผู้เยาว์” ลักษณะนี้ ศาลจะลงโทษผู้กระทำความผิดตามตัวบทกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ก็มีบางกรณีที่ศาลอาจจะพิจารณาให้การรอลงโทษ หรือที่เรียกว่า “การรอลงอาญา” แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาสองฝ่ายเป็นผลหรือไม่

ยกตัวอย่างคดีที่เจอเมื่อนานมาแล้ว ในพื้นที่เขตอำนาจศาลจังหวัดพัทยา ในคดีดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับคดีของนายสมรักษ์ และศาลพิจารณาสั่งให้รอลงอาญาผู้ทำความผิด แต่ตนเองในฐานะพนักงานอัยการในคดีดังกล่าว ได้ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นลงโทษจำคุกดังนั้น ต้องรอดูในรายละเอียดว่า ศาลจะพิจารณาตามพยานหลักฐานหรือผลการเจรจาในคดีนี้ เพราะศาลแต่ละที่ มีคณะทำงานและมีข้อพิจารณา ที่แตกต่างกันในรายละเอียดบางข้อ รวมถึงต้องดูว่าหากศาลมีคำพิพากษาให้โทษจำคุกรอลงอาญา พนักงาน อัยการในคดีนี้จะมีข้อพิจารณายื่นคัดค้านหรือไม่

ทั้งนี้ ส่วนตัวเท่าที่ดูจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสื่อตอนนี้ ทั้งหมด คาดว่าถ้าตัว “นายสมรักษ์” หากมีการแสดงความรับผิดชอบในบางเรื่อง ก็จะเป็นเหตุให้ศาลพิจารณาสั่งลงโทษจากจำคุกเป็นรอลงอาญาได้ แต่ในส่วนตัวคิดว่านับตั้งแต่วันที่ปรากฏเรื่องขึ้นต่อสังคม นายสมรักษ์ได้ถูกสังคมพิพากษาไปเป็นที่เรียบร้อย และผู้เสียหายทางฝั่งนายสมรักษ์ ก็คือภรรยาและลูกสาวที่จะถูกสังคมตั้งคำถาม ซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกของคนในครอบครัวทั้งหมด