วัดนาป่าพง แถลงโต้ สีกาเยอรมัน กล่าวหา พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ยักยอกเงิน

เคลื่อนไหว วัดนาป่าพง แถลงโต้ สีกาเยอรมัน กล่าวหา พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ยักยอกเงินวัดไปใช้โดยมิชอบ “ไม่เป็นความจริง”

ข่าวประเด็นร้อน กรณี ความคืบหน้า วัดนาป่าพง แถลงโต้ สีกาเยอรมัน โดย กลางดึกของวันที่ 2 ต.ค. 68 ทางวัดนาป่าพง ได้ออกหนังสือแถลงว่า ตามที่มีบุคคลหนึ่งซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ที่ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้เข้าร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ว่ากระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของวัดนาป่าพงไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน ด้วยการนำเงินโอนไปหลบซ่อนที่ประเทศเยอรมนี และต่อมามีสื่อมวลชนหลายสำนักร่วมกับนักวิชาการด้านพุทธศาสนาและนักอาชญาวิทยาหลายคนเสนอข่าวสารดังกล่าวต่อสาธารณะเป็นวงกว้างนั้น

พระอาจารย์คึกฤทธิ์ มอบหมายให้ นายนันทน อินทนนท์ ทนายความของวัดนาป่าพงแถลงข้อเท็จจริงผ่านสื่อสาธารณะจำนวน 2 ครั้ง โดยนำเสนอข้อเท็จจริงพร้อมทั้งหลักฐานประกอบเป็นจำนวนมาก การแถลงข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฎให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าการโอนเงินดังกล่าวเป็นไปเพื่อการจัดตั้งมูลนิธิพุทธวจนเยอรมนี ที่ประเทศเยอรมนี ไม่ใช่การโอนเงินไปเพื่อให้แก่สีกาโดยเสน่หาหรือเป็นการเบียดบังทรัพย์สินดังกล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัวแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม บุคคลดังกล่าวพร้อมคณะยังคงดำเนินการร้องเรียนพระอาจารย์คึกฤทธิ์ต่อไป โดยมีการบิดเบือน ตัดทอน และนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จแก่สาธารณชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด อันเป็นการแสดงให้เห็นว่าการกล่าวหาดังกล่าวมิได้มีเจตนาบริสุทธิ์ แต่เป็นไปโดยมีเจตนาใส่ความให้พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้รับความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์เสื่อมศรัทธาในตัวพระอาจารย์อย่างไม่ชอบธรรม

วัดนาป่าพงและพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ตระหนักดีว่า แม้ว่าการกระทำใดจะกระทำไปด้วยใจบริสุทธิ์ และการชี้แจงที่ผ่านมาจะมีความละเอียดชัดเจนเพียงใด หากแต่มีผู้ไม่ประสงค์ดีมุ่งหวังบั่นทอนทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาในวัดนาป่าพงและพระอาจารย์คึกฤทธิ์เสียแล้ว ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้ได้ กระนั้นก็ตาม หากแต่ปล่อยให้สถานการณ์ผ่านไป โดยไม่ชี้แจงแสดงเหตุผล ก็อาจเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยสาธารณชนที่ไม่อาจเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและรอบด้าน ด้วยเหตุผลดังกล่าว วัดนาป่าพงและพระอาจารย์คึกฤทธิ์ จึงขอให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้

วัดนาป่าพง แถลงโต้ สีกาเยอรมัน “ไม่เป็นความจริง”

1.ข้อกล่าวหาว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์โอนเงินจำนวน 12,200,000 บาท ไปให้แก่สีกาที่ประเทศเยอรมนีเป็นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตัว นั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวนี้ไม่เป็นความจริง เนื่องจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้มีคำสั่งให้โอนเงินจำนวน 12,200,000 บาท ไปยังประเทศเยอรมนีนั้นเป็นไปเพื่อใช้เป็นเงินทุนประเดิมในการก่อตั้งมูลนิธิพุทธวจนเยอรมนี และการก่อตั้งมูลนิธิฯ นั้น สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนสาเหตุที่มีการโอนเงินครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ได้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของสีกาเยอรมัน ก็เพราะว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นผู้มีถิ่นฐานในประเทศเยอรมนี สามารถพูดภาษาเยอรมันได้ อีกทั้งยังมีความเข้าใจในกฎระเบียบของทางราชการของประเทศเยอรมนีเป็นอย่างดี พระอาจารย์คึกฤทธิ์จึงมอบหมายให้สีกาเยอรมันเป็นตัวแทนในการดำเนินการดังกล่าวทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งการจัดการโอนเงินทั้งจากประเทศไทยไปยังประเทศเยอรมนี และการโอนเงินต่างๆ ในประเทศเยอรมนีเพื่อการก่อตั้งมูลนิธิฯ ทั้งหมดด้วย

2.ข้อกล่าวหาว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์ มีคำสั่งให้สีกาเยอรมันโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวในประเทศเยอรมนีนั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะในความจริงแล้ว พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่เคยมีคำสั่งให้สีกาเยอรมันโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของพระอาจารย์เลย ในทางตรงกันข้าม พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเปิดบัญชีธนาคารส่วนตัวในประเทศเยอรมนีมาก่อน แต่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของสีกาคนดังกล่าวที่ต้องการให้เปิดบัญชีธนาคารเป็นของส่วนตัว เพื่อประโยชน์ในการขอใบอนุญาตพำนักและวีซ่าเข้าประเทศเยอรมนี ซึ่งต่อมาสีกาคนดังกล่าวโอนเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการโอนเงินออกจากประเทศไทยเข้ามาบัญชีส่วนตัวของพระอาจารย์ ซึ่งอำนาจในการเบิกถอนเงินทั้งหมดเป็นของสีกาคนดังกล่าวทั้งสิ้น

3.ข้ออ้างว่า สีกาเยอรมันโอนเงินทั้งหมดที่ได้รับจำนวน 12,200,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารของมูลนิธิพุทธวจนเยอรมนีแล้ว โดยไม่มีการยักยอกเงินดังกล่าว ข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะในความเป็นจริงแล้ว เงินจำนวนดังกล่าวคำนวณได้เป็นเงินยูโรประมาณ 310,000 ยูโร แต่ปรากฏว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของมูลนิธิพุทธวจนเยอรมณีเพียง 210,000 ยูโร เท่านั้น ขาดหายไปจำนวนประมาณ 100,0000 ยูโร ส่วนข้ออ้างว่าเงินส่วนที่เหลือได้นำเข้าบัญชีของสมาคมพุทธวจนเยอรมนีนั้น เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอยๆ เท่านั้น เพราะข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีการโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยในประเทศไทยไปยังบัญชีสมาคมพุทธวจนเยอรมนีเพียงจำนวน 27 ครั้ง รวมเป็นเงิน 266,000 ยูโรเท่านั้น และปรากฎข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีการโอนเงินส่วนหนึ่งเข้าบัญชีส่วนตัวของสีกาเยอรมันที่ธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนีด้วย ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงไม่ได้รับเงินที่โอนเข้าบัญชีธนาคาร ของสีกาเยอรมันตามวัตถุประสงค์แห่งการโอนเงินทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินคดีทางอาญาในข้อหายักยอกทรัพย์และคดีแพ่ง เพื่อเรียกร้องเงินดังกล่าวต่อสีกาเยอรมันในศาลแห่งประเทศเยอรมนีแล้ว

4.ข้ออ้างว่า สีกาเยอรมันไม่ได้ยักยอกเงินมูลนิธิฯ จำนวน 10,000 ยูโรนั้น ข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง เดิมมูลนิธิมีเงินในบัญชีจำนวน 210,000 ยูโร แต่ต่อมาจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของมูลนิธิฯ พบว่าสีกาเยอรมันได้ร้องขอให้ธนาคารให้รหัสสำหรับการเบิกถอนเงินในบัญชีของธนาคารได้ในฐานะที่สีกาเยอรมันคนดังกล่าวดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานมูลนิลนิธิฯ ในขณะนั้น และต่อมาสีกาคนดังกล่าวได้เบิกถอนเงินจำนวน 5,000 ยูโร ออกจากบัญชีของธนาคารจำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 10,000 ยูโร โดยไม่แจ้งเหตุผลของการเบิกจ่ายเงินดังกล่าว ดังนั้น จึงมีการดำเนินคดีกับสีกาเยอรมันคนดังกล่าวในข้อหายักยอกเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งต่อศาลในประเทศเยอรมนีแล้ว ซึ่งสีกาเยอรมันได้ยอมรับในคดีแพ่งว่าได้โอนเงินดังกล่าวออกไปจริง แต่เป็นการโอนเป็นไปยังสมาคมพุทธวจนเยอรมนี และได้ปิดบัญชีธนาคารของสมาคมฯ ไปแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอมรับว่ามีการโอนเงินไปยังบัญชีของสมาคมฯ อันสีกาคนดังกล่าวมีอำนาจเบิกจ่ายเงินแต่เพียงผู้เดียวและได้ปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำเงินดังกล่าวออกไปแล้วจริง

5.ข้อกล่าวหาว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์นำเงินประเดิมของมูลนิธิฯ จำนวน 200,0000 ยูโรไปซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนต่าง ๆ โดยไม่มีอำนาจและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยพระอาจารย์คึกฤทธิ์ได้กระทำการผ่านล่ามคนหนึ่งชื่อนายโรเบิร์ต ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะในความเป็นจริงแล้วพระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้มูลนิธิฯ สามารถนำเงินประเดิมมาใช้เพื่อซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ ตั้งแต่ต้น แต่ในขณะที่ผเจตนการก่อตั้งมูลนิธินั้น สีกาเยอรมันพร้อมด้วยนายโรเบิร์ต แนะนำให้มูลนิธิสามารถนำเงินประเดิมมาหาดอกผลโดยการซื้อหน่วยลงทุนที่ไม่มีลักษณะเพื่อการเก็งกำไรได้ โดยมีคลิปวีดีโอหลักฐานการสนทนาระหว่างสีกาเยอรมันพร้อมด้วยนายโรเบิร์ตกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลรัฐบาวาเรียเป็นเครื่องยืนยัน และต่อมานายโรเบิร์ตได้ดำเนินการซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนต่าง ๆ จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งในขณะนั้นนายโรเบิร์ตมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการชุดหนึ่งของมูลนิธิฯ ไม่ใช่เป็นเพียงล่ามภาษาเยอรมันเท่านั้น ดังนั้นการซื้อหน่วยลงทุนจึงไม่ได้เป็นการดำเนินการของพระอาจารย์คึกฤทธิ์หรือได้รับความยินยอมจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์แต่ประการใด ซึ่งต่อมาพระอาจารย์ได้มีการดำเนินคดีกับทั้งนายโรเบิร์ตร่วมกับสีกาเยอรมันคนดังกล่าวเป็นคดียักยอกทรัพย์ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาต่อศาลเยอรมนีแล้วด้วย

6.ข้อกล่าวหาว่า พระอาจารย์คึกฤทธิ์มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชีธนาคารของมูลนิธิฯ แต่เพียงผู้เดียวจึงสามารถนำเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวได้นั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะในความเป็นจริงแล้ว การเปิดบัญชีธนาคารของมูลนิธิฯเป็นการกระทำของสีกาเยอรมันทั้งสิ้น และสีกาเยอรมันเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการเบิกถอนเงินได้เองเพราะมีรหัสบัญชีธนาคารที่ใช้สำหรับการเบิกถอนเงินในธนาคารได้ ส่วนพระอาจารย์คึกฤทธิ์ แม้ว่ามีอำนาจในการเบิกถอนเงินได้ตามเงื่อนไขของธนาคาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเข้าใช้ระบบเบิกถอนเงินผ่านช่องทางออนไลน์จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาเยอรมัน ดังนั้น เมื่อพระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่สามารถเข้าใจภาษาเยอรมันได้ จึงไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ ประการสำคัญ มูลนิธิเป็นองค์การกุศลที่ไม่แสวงหากำไรจึงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของมูลนิธิโดยเคร่งครัดและได้รับการตรวจสอบทางบัญชีและภาษีอากรอย่างเข้มงวดด้วย

7.ข้ออ้างว่า สีกาเยอรมันได้มีการฟ้องคดีพระอาจารย์คึกฤทธิ์ในข้อหายักยอกทรัพย์ แต่อัยการเยอรมนีมีคำสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากไม่อยู่ในเขตอำนาจ นั้น ข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากมีหลักฐานจากพนักงานอัยการว่ามีคำสั่งไม่ฟ้องพระอาจารย์คึกฤทธิ์ในข้อหายักยอกทรัพย์เนื่องจากคดีไม่มีมูลความผิด ไม่ใช่มีคำสั่งว่าคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจ อย่างไรก็ตาม กรณีมีความเป็นไปได้ว่านอกจากคดีดังกล่าวแล้ว สีกาเยอรมันยังไปร้องทุกข์ต่ออัยการในข้อหายักยอกทรัพย์ในประเทศเนเธอร์แลนต์ต่อพระอาจารย์ด้วย ซึ่งอัยการเยอรมนีน่าจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุดังกล่าว แต่ไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด ข้อกล่าวหาว่ามีการยักยอกยอกทรัพย์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ก็ไม่มีมูลความจริงทั้งสิ้น

จากข้อเท็จจริงข้างต้น วัดนาป่าพงและพระอาจารย์คึกฤทธิ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สาธารณชนจะเข้าใจถึงเจตนารมณ์และปณิธานอย่างแรงกล้าในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่แท้จริงให้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ จึงขออนุโมทนามายังพุทธศาสนิกชนและสื่อมวลชนผู้มีจิตอันประเสริฐได้รับรู้และเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นธรรม แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

สรุป

1. การโอนเงินเพื่อก่อตั้งมูลนิธิพุทธวจนเยอรมนี

  • ข้อกล่าวหา: พระอาจารย์คึกฤทธิ์โอนเงินจำนวน 12.2 ล้านบาทให้สีกาชาวเยอรมันเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
  • คำชี้แจง: การโอนเงินดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนเริ่มต้นสำหรับก่อตั้ง มูลนิธิพุทธวจนเยอรมนี โดยมีสีกาชาวเยอรมันเป็นตัวแทนดำเนินการ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านภาษาและกฎหมายของเยอรมนี

2. เงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพระอาจารย์

  • ข้อกล่าวหา: พระอาจารย์คึกฤทธิ์สั่งให้สีกาชาวเยอรมันโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของตน
  • คำชี้แจง: พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่เคยสั่งให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว แต่หลงเชื่อคำแนะนำของสีกาชาวเยอรมันที่อ้างว่าจำเป็นต้องเปิดบัญชีเพื่อขอวีซ่าและใบอนุญาตพำนัก ซึ่งต่อมาเงินส่วนหนึ่งถูกโอนเข้าบัญชีนี้โดยที่สีกาเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเพียงผู้เดียว

3. การยักยอกเงินทุนมูลนิธิฯ

  • ข้อกล่าวหา: สีกาชาวเยอรมันโอนเงินทั้งหมดเข้าบัญชีมูลนิธิฯ ครบถ้วน
  • คำชี้แจง: เงินที่โอนจากไทยประมาณ 310,000 ยูโร มีการโอนเข้าบัญชีมูลนิธิฯ เพียง 210,000 ยูโร ทำให้เงินหายไปประมาณ 100,000 ยูโร โดยสีกาอ้างว่าเงินส่วนที่เหลือโอนเข้าบัญชีสมาคมพุทธวจนเยอรมนี ซึ่งเป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน และมีหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของสีกาเพิ่มเติมด้วย ทำให้มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาและคดีแพ่งในข้อหายักยอกทรัพย์ต่อศาลเยอรมนีแล้ว

4. การยักยอกเงิน 10,000 ยูโรจากมูลนิธิฯ

  • ข้อกล่าวหา: สีกาไม่ได้ยักยอกเงินจำนวน 10,000 ยูโร
  • คำชี้แจง: จากการตรวจสอบบัญชี พบว่าสีกาซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานมูลนิธิฯ ได้ใช้รหัสเบิกถอนเงินจำนวน 5,000 ยูโร 2 ครั้ง รวม 10,000 ยูโร โดยไม่แจ้งเหตุผล ทำให้มีการฟ้องร้องคดีอาญาและคดีแพ่ง ซึ่งสีกาได้ยอมรับในชั้นศาลแพ่งว่าโอนเงินดังกล่าวจริงและได้ปิดบัญชีธนาคารของสมาคมพุทธวจนเยอรมนีที่ตนมีอำนาจในการเบิกจ่ายแต่เพียงผู้เดียวไปแล้ว

5. การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนต่างๆ

  • ข้อกล่าวหา: พระอาจารย์คึกฤทธิ์นำเงินมูลนิธิฯ 200,000 ยูโรไปซื้อหน่วยลงทุนอย่างผิดกฎหมายผ่านนายโรเบิร์ต
  • คำชี้แจง: การซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นคำแนะนำของสีกาชาวเยอรมันและนายโรเบิร์ต (ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานคณะกรรมการของมูลนิธิฯ) โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับมูลนิธิฯ ซึ่งมีหลักฐานวิดีโอการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลยืนยัน และการดำเนินการซื้อหน่วยลงทุนดังกล่าวเป็นของนายโรเบิร์ต โดยที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่ได้อนุญาตหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงมีการดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์กับบุคคลทั้งสองแล้ว

6. อำนาจในการเบิกถอนเงินของพระอาจารย์

  • ข้อกล่าวหา: พระอาจารย์คึกฤทธิ์มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชีมูลนิธิฯ แต่เพียงผู้เดียว
  • คำชี้แจง: การเปิดบัญชีและรหัสเบิกถอนเงินเป็นของสีกาชาวเยอรมันทั้งหมด แม้พระอาจารย์คึกฤทธิ์จะมีอำนาจเบิกถอนตามเงื่อนไข แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองเพราะไม่เข้าใจภาษาเยอรมัน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังอยู่ภายใต้การตรวจสอบด้านบัญชีและภาษีที่เข้มงวด

7. คดีที่สีกาฟ้องพระอาจารย์คึกฤทธิ์

  • คำชี้แจง: อัยการเยอรมนีมีคำสั่ง ไม่ฟ้องพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ในข้อหายักยอกทรัพย์ เนื่องจาก คดีไม่มีมูลความผิด ไม่ใช่เพราะคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจแต่อย่างใด
  • ข้อกล่าวหา: สีกาฟ้องคดียักยอกทรัพย์กับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ แต่อัยการเยอรมนีมีคำสั่งไม่ฟ้องเพราะไม่อยู่ในเขตอำนาจ

ข่าวล่าสุด

ดูทั้งหมด

ด่วน! รวบคาบ้าน มนัส บุญจํานงค์ ฮีโร่โอลิมปิคฐานฉ้อโกง

ตำรวจสอบสวนกลาง บุกรวบคาบ้านพักแห่งหนึ่ง มนัส บุญจํานงค์ อดีตฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทอง เหรียญเงินในความผิดฐานฉ้อโกง 19 ธ.ค. 68 มีรายงานข่าวว่า ตำรวจสอบสว […]

TIJ จับมือ WJP – กกร. ภาครัฐ–เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย

TIJ ผนึก WJP และ กกร. รวมพลังภาครัฐ–เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล

เฉลย! เขมรยิงโดรนไทยร่วง ที่แท้เป็นเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบ DP-20 ของกองทัพบก

เพจดังยืนยันแล้ว เขมรยิงโดรนไทยร่วง ที่ปอยเปตพบเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบ DP-20 หรือ D-eyes 04 ของกองทัพบกไทย

เปิดราคา-สเป็ก โดรนตรวจการณ์ Dominator XP หลังเขมรสอยร่วง

เปิดราคา-สเป็ก โดรนตรวจการณ์ Dominator XP กองทัพอากาศไทย หลังมีกระแสข่าวว่อนโซเชียลทหารเขมรสอยร่วงกลางดึกกลางเมืองปอยเปต

ไว้ใจผิดชีวิตพัง! “ข้าวโพด สมิทธินันท์” ฟาดแรง ไม่อยาก ตอแxล! ว่าหายโกรธแล้ว [มีคลิป]

“ข้าวโพด สมิทธินันท์” เปิดใจบทเรียนชีวิต เจ็บจากความไว้ใจ ถูกสังคมซ้ำเติม สอนให้คัดกรองคน กลายเป็นอีกหนึ่งเสียงจากผู้เสียหายที่สังคมจับตา สำหรับ ข้าวโ […]
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า
ปิดโหมดสีเทา