มาติดตามคดีนักข่าวสาวที่ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี 8 เดือนจากคดีสนับสนุนให้ก่อเหตุยิงเครือญาติที่ขัดแย้งกันจากการปักปันที่ดิน โดยมารดาของ “รัตติ้ว” ณัฐชา ทองย้อย ยืนยันที่จะขอความเป็นธรรมเพื่อให้ลูกสาวได้ออกมาจากเรือนจำ โดยที่กำลังใจของรัตติ้ว หลังจากที่ทราบว่ามีเพื่อนส่งแรงใจเพื่อให้การช่วยเหลือ โดยพบว่าก่อนที่เธอจะถูกศาลฎีกาตัดสินเพียง 1 วันเธอยังทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวอยู่ และขอลางานเพื่อไปฟังคำพิพากษาโดยไม่คิดว่าหน้าที่การทำงานที่ช่วยเหลือประชาชนจะยุติลง อย่างไม่รู้ติดติดตามรายงานจาก คุณรัตนากร โต๊ะหมัด ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
ภาพสุดท้ายของนางสาวณัฐชา หรือ “รัตติ้ว” ทองย้อย ที่ได้ประกาศข่าวในรายการสปริงนิวส์อาสาอาสาคลายทุกข์ เรื่องสาวสปาภูเก็ตร้องถูกจับเป็นแพะคดีชิงทรัพย์ที่จังหวัดตรัง ก่อนที่จะลางานเพียงแค่ 1 วัน เพื่อมาฟังคำพิพากษา โดยที่ไม่ได้มีโอกาสรู้เลยว่าตนจะไม่มีวันได้กลับไปนั่งทำหน้าที่นั้นอีกแล้ว เพราะนางสาวณัฐชา คิดเสมอว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดและเชื่อในกระบวนการยุติธรรม
โดยนางเรียม ทองย้อย แม่ของนางสาวรัตติ้ว เปิดเผยว่าทันทีที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ลูกสาวตนเองจำคุก วินาทีนั้นตนกับลูกได้หันมามองหน้ากัน แทบจะไม่ได้พูดคุยกับลูกเลยเพราะมันจุกไม่รู้ว่าจะพูดว่าอะไร หลังจากนั้นรัตติ้วก็ถูกนำตัวไปคุมขังทันที
วันนี้ นายสุรไกร ทองย้อย น้องชายของรัตติ้ว กล่าวว่าตลอดระยะเวลาตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะครอบครัวไม่ได้บอกใคร เพราะกลัวว่าจะมีผลลบกับพี่สาว และได้ไปเยี่ยมรัตติ้วทุกสัปดาห์ ซึ่งตอนนี้รู้สึกโล่งอกมากที่สุด เมื่อได้นำเรื่องของพี่สาวออกสู่สาธารณะ เพราะเวลา 5 เดือนที่อยู่ในคุกพี่สาวของตนเองเริ่มทนไม่ไหวเนื่องจากตัวเองไม่ได้กระทำความผิดแต่กลับต้องมาถูกลงโทษ พร้อมยืนยันพี่สาวของตนเองไม่ได้เป็นคนสั่งให้ยิง
ขณะที่ปุ๋ย นันทกานต์ ถิ่นทิพ เพื่อนในวงการสื่อเพื่อนของณัฐชา ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กถึงคดีว่า คุณชิว อดีตเพื่อนในสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ได้เดินทางไปเยี่ยมที่เรือนจำประจวบคีรีขันธ์ โดยรัตติ้วฝากข้อความ ขอบคุณพี่ ๆ น้องๆ ในวงการสื่อมวลชนที่รักและเป็นห่วงทุกคน น้ำตาที่ไหลอาบแก้มรัตติ้วตลอดเวลาบ่งบอกถึงความเจ็บปวดของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่ยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างหนักแน่น
ภาพบ้าน ที่อยู่ฝ่ายซ้ายของทางสาธารณะซึ่งเป็นถนดิน คือบ้านของครอบครัวทองย้อย ส่วนบ้านหลังคมสีเทาที่อยู่ฝั่งขวาของสาธารณะ คือบ้านของ นพรัตน์ บุญสมเชื้อ 2 ครอบครัวนี้เป็นญาติห่าง ๆ กัน และก็เป็นคู่กรณีกันในปมปัญหา การปักเขตที่ดิน ซึ่งถนนสาธารณะที่กั้นระหว่าง 2 ครอบครัวนี้ มีความกว้างประมาณ 3 เมตร และปลายสุดของถนนจะไปชนกับสระน้ำ และตรงนี้คือจุดที่เกิดเหตุวิวาทเรื่องการปักเขตที่ดินรุกที่สาธารณะ จนเป็นเหตุให้สุชาติน้องชายรัตติ้วอีกคนหนึ่ง ยิงคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ โดยมีพยายานของคู่กรณีกล่าวหาว่ารัตติ้วเป็นคนสั่งให้น้องชายลงมือยิง ซึ่งในที่สุดศาลตัดสินให้รัตติ้วต้องจำคุก 6 ปี 8 เดือน ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2560
จากบันทึกคำให้การในสำนวนคดี ที่รัตติ้ว ให้กับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2556
รัตติ้ว ปฏิเสธว่า ไม่ใช่เป็นผู้ที่สั่ง ยิงเลย ยิงเลย และไม่ทราบมาก่อนว่า นายสุชาติ น้องชาย มีอาวุธปืนอยู่กับตัว และ ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกัย ฝ่ายที่ถูกยิง
ขณะที่ฝ่ายโจทย์ที่ถูกยิง นายนพรัตน์ และนายเมธี บุญสมเชื้อ และ พยานคือ นางมณี อภิชัย และนางมณฑา พลับใหญ่ ต่างให้การในชั้นศาลว่า รัตติ้ว คือคนที่สั่งยิง และในชั้นศาลฏีกา ระบุว่า รัตติ้วไม่ได้แก้ต่างเรื่องที่ถูกพาดพิงว่าเป็นผู้สั่งยิงอย่างชัดเจน ซึ่งผิดปกติวิสัยคนทั่วไปเมื่อถูกกล่าวหาก็จะรีบแก้ไข และจากการประมวลผลของคดี ศาลฏีกา พบว่า รัตติ้ว ถือว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ของนายสุชาติ
และแม้ว่าจะมีพยานของรัตติ้ว บ่งชี้ว่ารัตติ้ว อยู่ห่างออกไปถึง 10 เมตร แสดงว่ารู้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่มีการยิงเกิดขึ้น คำเบิกความของรัตติ้วจึงเป็นพิรุธเชื่อว่าอ้างเพื่อพ้นผิด จึงลงโทษตามศาลชั้นต้น 6 ปี 8 เดือน เมื่ออ่านสำนวนสอบสวนในคำพิพากษาทั้ง 3 ศาล พบข้อแตกต่างกัน เรื่องคำพูดว่า ใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว ในคำพิพากษาศาลอุทหรณ์ พยานฝ่ายถูกยิง ระบุว่า รัตติ้วเป็น คนพูดท้าทายว่าใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว แต่ในคำพิพากษาของศาลฎีกา พบว่า นายสุชาติ มือปืนเป็นคนพูด ว่าใหญ่แค่ไหนก็ไม่กลัว และที่ตั้งข้อสังเกตคือ ในบันทึกคำให้การ ที่รัตติ้วให้ไว้กับ ตำรวจ ปฏิเสธว่า ไม่ทราบว่า น้องชาย นายสุชาติ มีอาวุธปืน
จากนี้ไปต้องรอผลจากการเรียกร้องและการดำเนินการของกระทรวงยุติธรรมว่าจะสามารถรื้อคดีได้หรือไม่ และชะตากรรมของนางสาวณัฐชาหรือรัชติ้วจะเป็นอย่างไร เพราะในฐานะสื่อเที่เคยช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ และคนที่ตกอยู่ในความลำบาก ให้พ้นทุกข์แต่ในวันนี้เธอกลับได้พบเจอความทุกข์ ที่เจนถึงวันนี้ธอก็ยังยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อ นั้นด้วยตัวเอง
