“ปอ ปุณยวีร์” อดีตผู้ประกาศข่าวตัวแม่ช่อง 3 เปิดใจเส้นทาง 30 ปี ก่อนถูกปลดกลางมรสุมวงการสื่อ
เธอคืออีกหนึ่งคนข่าวแถวหน้าที่โลดแล่นอยู่ในวงการสื่อมายาวนาน สำหรับ ปอ ปุณยวีร์ อดีตผู้ประกาศข่าวและพิธีกรชื่อดังของช่อง 3 ที่สร้างผลงานไว้มากมาย โดยเฉพาะรายการ “30 ยังแจ๋ว” ที่โดนใจสาวๆ ทั่วประเทศ ล่าสุด ปอเปิดใจหมดเปลือกถึงชีวิตหลังถูกปลดจากช่องฟ้าผ่ากลางรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ทางช่อง Workpoint หมายเลข 23 พร้อมเล่าย้อนเส้นทางชีวิตตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวันที่ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงในอาชีพ
จากเด็กสาวย่านตลาดพลู สู่นักข่าวมืออาชีพ
ปอ ปุณยวีร์ หรือชื่อเดิม “อรปรียา หุ่นศาสตร์” เกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2513 เติบโตในย่านตลาดพลู ฝั่งธนบุรี เป็นลูกสาวคนกลางในครอบครัว เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสยาม รุ่นแรก ก่อนจะก้าวเข้าสู่วงการข่าวและพิธีกรอย่างเต็มตัว
แจ้งเกิดจาก “30 ยังแจ๋ว” และผลงานบนจอช่อง 3
ตลอดเวลากว่า 30 ปี ปอรับบทบาทเป็นทั้งผู้ประกาศข่าว รายการพิเศษ และพิธีกรคู่ขวัญในหลายรายการ โดยเฉพาะ “30 ยังแจ๋ว” ที่ออกอากาศตั้งแต่ปี 2549 ถึง 2562 ทำให้เธอเป็นที่จดจำในฐานะพิธีกรหญิงรุ่นใหญ่ผู้มากด้วยประสบการณ์ ร่วมกับ ดาว อภิสรา, ปราย ธนาอัมพุช และ กระเต็น วราภรณ์ นอกจากนี้ยังเคยปรากฏตัวในรายการข่าวดังอย่าง “เรื่องเล่าเช้านี้” คู่กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และร่วมดำเนินรายการ “ผู้หญิงยกกำลังแจ๋ว” ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงวันสุดท้ายในหน้าที่
ฟ้าผ่ากลางปี – เผยหัวใจหวิวหลังถูกปลด
ปอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้จะพอเตรียมใจไว้บ้าง แต่การถูกเลิกจ้างก็ยังเป็นเรื่องสะเทือนใจ โดยเฉพาะกับองค์กรที่ผูกพันกันมานาน “เราอยู่ตรงนี้มา 30 กว่าปี เจ้านายก็ดีมาก ให้อิสระทุกอย่าง เราเห็นหลายล็อตที่โดนมาแล้ว ไม่คิดว่าจะถึงคิวเรา แต่วันนี้เรือลำใหญ่แบกไม่ไหวแล้ว เรือแตกก็ต้องมีคนจม”
แม้จะหลุดจากตำแหน่งหลัก แต่ปอยังได้ทำงานกับช่อง 3 บ้างในฐานะฟรีแลนซ์ พร้อมเริ่มหาทางรอดใหม่ ทั้งการทำคอนเทนต์ออนไลน์ ไลฟ์สดขายของ และรับรีวิวสินค้า แม้เจ้าตัวจะยอมรับว่า “เหนื่อยมาก ไม่ใช่ทางเรา” แต่ก็ยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อเพื่อครอบครัวและลูกชายวัย 14 ปี
ชีวิตครอบครัว และภารกิจ “แม่เลี้ยงลูกวัยเรียน”
ปอแต่งงานกับ วสุพล สุขกุลวรเศรษฐ์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่า “น้องแพรพัชร์” ซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียน โดยเจ้าตัวเผยว่าแม้จะไม่มั่งมีเหมือนก่อน แต่ยังพร้อมยืนหยัดเพื่อสร้างชีวิตใหม่ “แม่ไม่มีมรดกให้ แต่แม่ติดอาวุธให้ลูกด้วยการศึกษา บ้านมี รถมี แต่เงินซื้อความสุขต้องหากันเอง แม่กับพ่อขอเก็บไว้ใช้ยามแก่”
ส่งกำลังใจถึงคนทำงานทุกคน
ในช่วงท้าย ปอฝากข้อคิดให้กับคนวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่มีงานประจำว่า “อย่าทำอาชีพเดียว ต้องเตรียมอาชีพเสริมไว้ หาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้อยก็พอค่ากับข้าว อย่าปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่ง โลกมันเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนตาม”
