น้ำท่วมอุบล หลังชาวบ้านโวยหนัก จวกรัฐบาลเละหลังเหตุการณ์ภัยธรรมชาติที่ชาวจังหวัดอุบลราชธานีประสบกับอุทกคภัยอย่างหนักอยู่นั้น ไร้ซึ่งวี่แววหน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลืออย่างเป็นจริงเป็นจัง มีแต่ภาคเอกชนและกลุ่มจิตอาสาที่อาศัยช่วงเวลาที่วิกฤตในตอนนี้ ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านทั้งระดมทุนและลงพื้นที่ช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ย้อนถามรัฐบาลอีกสักครั้ง “หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอยู่ไหน ?”
ชาวเน็ตแห่ตั้งคำถามกันยกใหญ่ในพื้นที่โซเชียล ตกลงเรามีรัฐบาลกันแล้วจริงๆหรือ ในขณะที่ประชาชนคนไทยในจังหวัดอุบลราชธานีประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ยังมีส.ส.ในสภาท้าตีท้าต่อยกันอยู่ตามที่ปรากฎ แล้วเราจะหวังพึ่งใครได้ในสภาวะวิฤติจากภัยทางธรรมชาติเช่นนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ดูแปลกไปก่อนหน้านี้เมื่อประเทศไทยพบกับวิกฤติต่างๆ เราจะเห็นทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาและพาประเทศออกจากวิกฤติให้เร็วที่สุด โดยให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด แต่ครั้งนี้ดูเหมือนภาคเอกชนและภาคประชาชนจะดูมีบทบาทจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก เช่น เมื่อ(16 ก.ย.) เฟซบุ๊กชื่อ “วิเศษ บางวิเศษ” ได้แชร์เรื่องราวดี ๆ ที่กลุ่มพยาบาลโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว ได้เดินเท้าลุยน้ำเพื่อเข้าไปดูแลสุขภาพชาวบ้าน โดยระบุว่า…
“วันนี้ต้องบอกว่ายอมใจพวกเธอครับ…กลุ่มพยาบาลจากโรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว เดินลุยน้ำระยะทาง 2-3 กิโลเมตรระดับน้ำ1เมตรกว่า เพื่อไปดูสุขภาพชาวบ้านโนนยางที่ติดอยู่ด้านใน..พวกผมลงพื้นที่เจอพวกเธอตอนเดินกลับออกมา…ผมถามว่าทำไมต้องเดิน คุณนัยนา ดวงศรี ซึ่งเป็นหัวหน้าบอกว่าไม่มีเรือ…ฟังแล้วต้องยอมน้ำใจและชื่นชมพวกเธอจริงๆครับ
เรื่องดีๆเล่าสู่กันฟัง”
หรือ เฮียเค เยาวราช หรือ นายสมศักดิ์ ศรีเพ็ชร ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พี่น้องชาวอุบลราชธานี จากความสามารถของตัวเอง คือ ปรุงอาหาร เพื่อแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยจอดจุดบริการที่วงเวียนน้ำพุ สะพานฯ 200 ปี จ.อุบลราชธานี
หรืออย่าง ล่าสุด “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” อัดคลิปร่ำไห้ เตรียมหอบเงินส่วนตัว 1 ล้านเข้าไปช่วยเหลือ และขอคนไทยร่วมบริจาค คนละ 20-50 บาท จนช่วงเช้าวันนี้ 16 ก.ย. มียอดบริจาคเข้ามาเป็นจำนวนมากทะลุ 27 ล้านบาท ณ ตอนนี้ยอดบริจาคน่าจะถึง 100 ล้านบาทแล้ว สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด หากจะตีความว่าเพราะบริบทของหน่วยงานรัฐไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนผู้มีกำลังทรัพย์และจิตศรัทธา ไม่มั่นใจในการสนับสนุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ในบทบาทของเอกชนบางแห่ง หรือ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ที่มีบทบาทการช่วยเหลือสังคมอย่างชัดเจนมาโดยตลอดจึงกลายเป็นที่พึ่งหลักของชาวบ้านผู้ประสบภัยไปเสียแล้ว
เป็นห่วงรัฐบาลอย่างสุดใจ เพราะถ้าหากยังไม่เริ่มสร้างความไว้เนื้อเชื่อในให้กับพี่น้องประชาชนในตอนนี้ ไม่รู้ว่าอีกภายภาคหน้าหากมีการเลือกตั้งหลังรัฐบาลชุดนี้หมดวาระ จะเกิดการเปลี่ยนขั้วหรือไม่ รัฐบาลจงตระหนักไว้ให้หนักว่า ภาคอีสาน ไม่ใช่ฐานเสียงหลักของรัฐบาลชุดนี้ ถ้ายังเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสของตัวเองไม่ได้ รอบหน้าจบไม่สวยแน่นอน
ปักธงรบ