หากพูดถึงมลพิษจากรถยนต์ในบ้านเราต้องบอกว่าเป็นปัญหาอย่างมากเพราะมีผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่ตอนนี้มีนักวิจัยคิดค้นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่าย หน้าตาเจ้ารถคันนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้จากรายงานของ คุณประภาดา ธรรมแสงดาว ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
ทุกวันนี้อากาศบ้านเราเป็นมลพิษ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากไอเสียในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนน ผลเสียที่ตามมาคือ ทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา แต่วันนี้เราสามารถแก้ปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศได้แล้วโดย นายสุชาติ พันธุ์ไพศาล ผู้ริเริ่มที่คิดจะสร้างรถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับประเทศไทย ซึ่ง นายสุชาติ ตั้งใจทำรถไฟฟ้าขึ้นมาเพื่อลดมลภาวะทางอากาศของประเทศไทยได้ดีขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
โครงการพัฒนานักวิจัยเพื่ออุตสาหกรรมและกองทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จึงให้การสนับสนุนวิจัยแก่ศาสราจารย์ ดร.ธนัดชัย กุลวรานิชพงษ์ และ นายสุชาติ พันธุ์ไพศาล สำนักวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีในครั้งนี้
รถโดยสารไร้มลพิษคันนี้ใช้เทคโนโลยีการจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้กับอินเวอร์เตอร์เพื่อขับเคลื่อนฮับมอเตอร์ซึ่งติดตั้งที่ล้อหลังของรถโดยสารทั้งสองข้างโดยตรง ทำให้ระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้าคันนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่ารถโดยสารไฟฟ้าทั่วไป อีกทั้งยังสามารถรองรับเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคต ซึ่งรถคันนี้มีขนาดความยาว 12 เมตร สามารถจุผู้โดยสารได้ถึง 43 ที่นั่ง
สำหรับการชาร์จไฟมีอยู่ 2 แบบ คือ 1) ปลั๊กอิน ชาร์จปลั๊กอินในการชาร์จ 1 ครั้งสามารถชาร์จได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่หากมีโซปแบตเตอรี่เราสามารถสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายใน 15 นาที เพราะรถมีขนาดใหญ่แบตเตอรี่มีความจุมาก เราไม่สามารถใช้ไฟทั่วไปชาร์จได้ ต้องเป็นไฟจากสถานีชาตที่มีอยู่ในการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเท่านั้น รถคันนี้ได้ทดลองใช้ในการรับส่งพนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในกรุงเทพมหานครแล้ว ซึ่งเป็นระบบของยุโรป ใช้ไฟฟ้าประมาณ 600-650 โวลต์
อาจจะสงสัยว่าในบ้านเราสภาพถนนนั้นจะสามารถรองรับได้หรือไม่ เพราะมีทั้งหลุมทั้งเนิน จะบอกว่ารถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอร์รี่ลิเธี่ยมไอออนคันนี้ สามารถวิ่งได้บนถนนทั่วไปอย่างสบายๆเลยล่ะค่ะ ต้องบอกว่ามีอายุการใช้งานถึง 10 ปี ส่วนมอเตอร์ที่ใช้มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป แถมยังประหยัดมาก เพราะค่าใช้จ่ายในการโดยสาร 1 กิโลเมตร อยู่ที่ 3.50 สตางค์ หากเปรียบเทียบกับรถทั่วไปแล้วใช้ค่าเชื้อเพลิง 8 บาทถึง 10 บาทเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่ารถคันนี้ประหยัดพลังงานหรือค่าใช้จ่ายได้ถึง 2-3 เท่า เห็นยังงี้แล้วต้องช่วยกันสนับสนุนผลงานวิจัยของคนไทย ที่สามารถแก้ไข้ปัญหาทั้งทางด้านมลพิษทางอาการรวมถึงยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก