2 ปัญหาที่ทับซ้อนกันอยู่ในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทมุมธานี เวลานี้ คือ ธุรกิจบ่อดินที่ส่งผลให้ถนนพัง และโรงงานบ่อขยะที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในชุมชน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ซึ่งผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ต้องตอบ และทำให้กระจ่าง เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของทีมข่าวไบรท์ พบว่า ทั้ง 2 เรื่อง น่าจะมีความผิดไม่ต่างกัน จึงเป็นโจทย์สำคัญที่จังหวัดต้องเร่งแก้ไขให้ชัดเจน ก่อนที่จะบานปลาย ไปติดตามได้จากรายงานของ คุณณัฐพงษ์ เรียบสันเทียะ ผู้สื่อข่าวไบรท์นิวส์
ป้ายปิดทำการชั่วคราวถูกนำมาติดประกาศ หน้าทางเข้าออกของบริษัทปราบขยะรีไซเคิลจำกัด เพราะกังวลมือมืดในการถูกสั่งปิด / หลังจากชาวบ้านหมู่ 3 – หมู่ 6 ต.ลาดหลุมแก้ว รวมตัวกันกว่า 100 คน ลงรายชื่อไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดปทุมธานี ให้ตรวจสอบบริษัทคัดแยกขยะนี้ เพราะการคัดและบดอัดพลาสติกที่ผ่านมาตรฐาน ISO แต่ด้านหลังของบริษัทบนเนื้อที่ 9 ไร่ ทำไมเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล ที่ส่งกลิ่นเหม็นและทำลายระบบนิเวศน์ทางชุมชนในย่านนี้ ราวกับว่าที่นี่ไปรับสัมปทานเก็บขยะมากลบฝังทำลาย

การตรวจสอบบริษัทคัดแยกขยะนำมาโดยฝ่ายปกครองท้องถิ่น จนนำมาสู่การตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัทปราบขยะรีไซเคิล ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ยืนยันว่าบริษัทนี้ขออนุญาติถูกต้องครบถ้วนตามกฏหมาย แต่บริษัทนี้มีสิทธิ์ทำแค่ล้าง บดย่อยพลาสติก และทำพลาสติกเป็นรูปทรงต่าง ๆ เท่านั้น ซึ่งการขนสิ่งปฏิกูลมาทำการคัดแยกถือว่าอยู่นอกข้อตกลงที่ขอไว้ และถือว่าฝ่าฝืนกฎหมาย แม้วันนี้จะยังหาทางออกไม่ชัดเจนว่าใครถูก แต่ผลกระทบของปมการขัดแย้งกลับลงที่ชาวบ้านที่ต้องทนทุกข์กับกลิ่นเหม็นของขยะและน้ำเสีย
ด้าน นายธีรวงศ์ สรรค์พิพัฒน์ เจ้าของบริษัทขยะรีไซเคิล ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อได้ มีเพียงข้อมูลจากเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ล่าสุดก็ออกมาชี้มูลความไม่ชอบมาพากล ถึงเหตุที่บริษัทปราบขยะถูกตัดขา เป็นเพราะไปขัดธุรกิจมืดของนายก อบต.ลาดหลุมแก้ว ที่แอบทำบริษัทบ่อดินและขนดินไปขายหรือไม่ เพราะจากหลักฐานที่มีคือภาพรถแบคโฮที่มีชื่อของนายกป้อมแปะอยู่ แต่ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าตรวจสอบ แต่ข้อมูลของนายธีรวงศ์กลับย้อนแย้งกับข้าราชการใน อบต. ที่ยืนยันว่านายกป้อมไม่มีกิจการขุดดิน แต่นายกป้อมมีธุรกิจรับจ้างถมดิน หนำซ้ำถนนในเขตตำบลลาดหลุมแก้วก็ไม่ได้พัง และบ่อดินที่กล่าวอ้างวันนี้ก็เป็นเพียงแปลงนาว่างเปล่า
แม้ตอนนี้จะยังสรุปไม่ได้ว่าใครบิดเบือนความจริง และใครกุเรื่องขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครหนีกฏหมายและกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อถึงเวลากลิ่นคาวที่ลาดหลุมแก้วก็คงประจักษ์ต่อสายตาสังคมอีกระลอกอย่างแน่นอน