เลือกตั้งซ่อม | อีกหนึ่งเรื่องราวทางการเมืองที่มีความชัดเจนแล้ว ในกรณีสมาชิกภาพของสมาชิกผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ยุติลงหรือไม่
หลังจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาว่า สมาชิกภาพส.ส.ของนายนวัธได้สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นั้นคือในวันที่ 16 ต.ค. 2562 เนื่องจากต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแก่นลงโทษประหารชีวิต และถูกคุมขัง และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ และฎีกา
ดังนั้นจึงหมายความว่า ตำแหน่งส.ส.แบบแบ่งเขต ในพื้นที่เขต 7 จ.ขอนแก่น ต้องวางลงอีก 1 ตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกา จัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (1) ประกอบมาตรา 102 โดยศาลรัฐธรรมนูญให้ถือว่า วันที่ตำแหน่งว่างลง คือวันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย
หากพิจารณาตามเงื่อนไขตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวันเลือกตั้ง ที่ระบุว่ากกต.ต้องดำเนินกาารจัดกาารเลือกตั้งภายใน 45 วันแล้ว ถ้าลองนับวันที่ต้องเลือกตั้งซ่อม ก็จะอยู่ไม่เกินวันที่ 27 ธ.ค.2562 แต่ตามปกติแล้วกกต.จะกำหนดวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์เป็นส่วนใหญ่ และเมื่อมองย้อนกลับไปวันที่อาทิตย์สุดท้ายที่ใกล้กับวันที่ 27 ธ.ค. ก็คือ วันที่ 22 ธ.ค.นี้เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 36 กำหนดให้กกต.ต้องปิดประกาศรายชื่อคนมีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน ดังนั้นในห้วงเวลาดังกล่าวจะให้อำนาจกกต.ประกาศวันหย่อนบัตรเลือกตั้งได้ หมายความว่าวันเลือกตั้งซ่อม ในเขต 7 จ.ขอนแก่น จะถูกประกาศเป็นวันเลือกตั้งจากกกต. ไม่เกินวันที่ 3 ธ.ค.นี้ หากนับย้อนวันขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.
ส่วนขั้นตอนจากนี้กกต.ต้องเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้อนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ) ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. ซึ่งล่าสุดกกต.จะเสนอเรื่องนี้เข้าสู้ที่ประชุมครม.ในวันที่ 19 พ.ย.นี้
หมายความง่ายๆว่า การเลือกซ่อมในครั้งนี้ จะได้ส.ส.ใหม่ภายในปีนี้นั้นเอง!!
ในทางการเมืองสนามนี้ ก็เป็นสนามที่สำคัญและน่าจับตามองสำหรับใครหลายๆคน โดยเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้งเจ้าของพื้นที่เดิมอย่างพรรคเพื่อไทย และอีกพรรคการเมืองหนึ่ง อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่ตั้งใจจ้องตะครุบในพื้นที่อยู่แล้ว
เมื่อลองนำผลการเลือกตั้งในเขตนี้ มาพิจารณาแล้ว พบว่า อันดับ 1 คือ พรรคเพื่อไทย ที่ส่งนายนวัธ เข้าชิงชัย ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ที่ 29,710 คะแนน ส่วนอันดับ 2 คือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ 26,553 คะแนน และนายสมควร ไกรพน พรรคอนาคตใหม่ 12,414 คะแนน เป็นอันดับ 3 ส่วนนายนาวิน คำเวียง พรรคประชาชาติ เป็นอันดับ 4 ที่ 9,350 คะแนน
แต่ครั้งนี้มีรายงานข่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีแคนดิเดตอยู่ 3 คน คือ 1.นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้าน 2.นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ3.นายสุรพจน์ เตาะเจริญสุข ส.จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหลานนายนวัธ แต่จากผลโพลของพรรคได้สำรวจเสียงประชาชนให้พื้นที่ พบว่า นายอดิศร กับนายธนิก มีคะแนนสูสีกันทิ้งห่างนายสุรพจน์ ทำให้ตอนนี้มีแคนดิเดตเหลือ 2 คน ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมาพิจารณาฐานเสียงของแคนดิเดตทั้ง 2 คน ก็มองว่านายธนิก มีความเหมาะสมมากกว่า
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มีรายงานว่า จะส่งผู้สมัครคนเดิมลงชิงชัย คือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนไม่ได้ห่างจากนายนวัธมากนัก ต่างกันไม่กี่พันคะแนน ล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาหลีกทางให้พรรคพลังประชารัฐ ลงชิงชัยในสนามนี้ เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งให้มีจำนวน ส.ส. มากเป็นอันดับสอง และเป็นพรรคแกนหลักในการตั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างพรรคอนาคตใหม่ ที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 ก็มีมติไม่ส่งผู้สมัครเช่นกัน แต่ที่น่าสนใจคือพรรคประชาชาติ ที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 4 กลับมีมติส่งนายนาวิน คำเวียง ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ด้วย
หากเป็นเช่นนี้คะแนนเสียงของพรรคอนาคตใหม่จะเทไปที่ฝั่งพรรคเพื่อไทยเป็นแน่ แต่พรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเช่นกันยังส่งคนชิงชัย ก็ย่อมทำให้เสียงแตกเป็น 2 สาย
อย่าลืมนะว่า! พื้นที่ภาคอีสานเป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่ค่อนข้างเหนียวแน่นมาก หากจะเจาะไข่แดงก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อย้อนดูบทเรียนการเลือกซ่อมนครปฐมขนาดพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ยังแพ้ย่อยยับกลับมาเลย และเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อยู่ที่การลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชนอย่างที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ เคยทำ และชนะการเลือกตั้งซ่อมนครปฐมมาแล้ว แม้จะเคยเป็นอันดับ 2 รองจากพรรรคอนาคตใหม่ แต่ก็กลับมาพลิกเเอาชนะเป็นผลสำเร็จ ด้วยการเคาะประตูบ้านพบปะประชาชนแบบถึงเนื้อถึงตัว
