กมลา แฮร์ริส — แม้ว่าผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะยังไม่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ แต่ในเวลานี้ก็สามารถคาดการณ์ได้แล้วว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และนางกมลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขาจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ในเวลานี้ ผู้ที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กับนายไบเดนก็คือนางกมลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขา โดยแฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯคนล่าสุด ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นรองประธานาธิบดีหญิงผิวสี เชื้อสายเอเชียใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยเธอถือเป็นผู้หญิงคนที่สามที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ท้าชิงรองประธานาธิบดี ถัดจาก เจรัลดีน เฟอร์เรโร ในการเลือกตั้งปีเมื่อ 1984 และแซราห์ เพลิน เมื่อปี 2008
ด่วน! โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หลังคว้าชัยเพิ่มในรัฐเพนซิลวาเนีย
เปิดแถลงการณ์แรกของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 หลังชนะเลือกตั้ง

ทั้งนี้ นางแฮร์ริส เป็นนักการเมืองและทนายความ ปัจจุบันมีอายุ 56 ปี เกิดเมื่อ 20 ต.ค. 1964 ที่เมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นบุตรของนายโดนัลด์ เจ. แฮร์ริส นักเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดชาวจาไมกา-อเมริกัน กับนางชยามาลา โฆปาลัญ นักวิจัยด้านมะเร็ง และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษย์ชาวอินเดีย-อเมริกัน โดยพ่อแม่ของเธอเป็นผู้อพยพ
พ่อแม่ของแฮร์ริสหย่าร้างกันเมื่อเธออายุได้ 5 ขวบ เธอเติบโต และใกล้ชิดกับวัฒนธรรมอินเดีย ควบคู่กับวัฒนธรรมของคนผิวสีในเมืองโอ๊คแลนด์ การที่เธอเติบโตมาพร้อมกับวัฒนธรรมทั้ง 2 แบบทำให้เธอเข้าถึงชาวสหรัฐได้หลากหลายเชื้อชาติ แฮร์ริสจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโฮวาร์ด ซึ่งที่นี่เองทำให้เธอสนใจเรื่องการเมือง
โจ ไบเดน สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้สมัครปธน.ที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดในการ เลือกตั้งสหรัฐ
ทีมหาเสียง โจ ไบเดน ขู่ เตรียมนำตัวทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแน่น หากไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง

ในปี 2016 เธอชนะเลือกตั้งวุฒิสภา ซึ่งทำให้เธอเป็นวุฒิสมาชิกหญิงคนที่สามจากรัฐแคลิฟอร์เนีย, สตรีเชื้อสายแอฟริกันคนที่สอง และผู้หญิงเชื้อสายเอเชียคนแรกที่จะได้ดำรงตำแหน่งสภาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ
ตลอดวลาที่ทำหน้าที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา เธอสนับสนุนการปฏิรูประบบบริการสุขภาพ การยกเลิกสถานะยาเสพติดของกัญชาในระดับประเทศ การช่วยเหลือให้ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารได้รับสถานะพลเมืองสหรัฐ รัฐบัญญัติดรีม การห้ามใช้อาวุธสังหาร และการปฏิวัติการเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า
ในปี 2019 แฮร์ริสได้ลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ก็ได้ถอนตัวในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2019 ขณะที่นายไบเดนได้เป็นตัวแทนของพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งนายไบเดนก็ได้เลือกเธอให้เป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานธิบดี ซึ่งทำให้เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้หาเสียงเคียงคู่กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งคนสำคัญ

ด้านชีวิตส่วนตัว แฮร์ริสได้สมรสมกับนายดักลาส เอ็มฮอฟฟ์ ทนายความ เมื่อปี 2014 โดยทั้งคู่ได้เจอกันครั้งแรกในไบลด์เดตเมื่อปี 2013 ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานในปีต่อมา ก่อนหน้านี้นายเอ็มฮอฟฟ์เคยสมรสมาแล้วเมื่อปี 1992 และมีบุตรกับภรรยาเก่า 2 คน ก่อนที่จะหย่าร้างในเวลาต่อมา ตลอดช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา นายเอ็มฮอฟฟ์ถือเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของแฮร์ริส โดยการที่แฮร์ริสชนะเลือกตั้งได้เป็นว่าที่รองประธานาธิบดีสหรัฐ ก็จะทำให้เขาเตรียมสร้างประวัติศาสตร์ เป็นสุภาพบุรุษหมายเลข 2 คนแรกของสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
