ฉายารัฐบาล เรียกได้ว่าได้เงียบหลายไปเป็นปี เนื่องจากรัฐบาลรัฐประหารในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงไม่มีการตั้งฉายาขึ้นมา แต่ในปีนี้เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากับทุกคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ปีนี้สื่อมวลชนทำเนียบฯได้รวมหัวระดมสมองเพื่อกลั่นกรองฉายาที่ตรงประเด็นมากที่สุด ซึ่งคัดเลือกรัฐมนตรีที่มีความโดนเด่น พร้อมตั้งวาทะแห่งปี และฉายาของรัฐบาลชุดนี้ด้วย โดยในปีนี้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฉายา “อิเหนาเมาหมัด” ส่วนฉายารัฐบาล คือ “รัฐบาลเชียงกง”
ขณะที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ ขอยกตัวอย่างบุคคลสำคัญๆ เช่น “พี่ใหญ่สายเอ็น” ฉายาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, “ชายน้อยประชารัฐ” ฉายาของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี “ศรีธนญชัยรอดช่อง” ฉายาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
“เทามนัส” ฉายาของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, “มาดามเบนเก้อ” ฉายาของน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “สัปเหร่อออนท็อป” ฉายาของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปิดท้ายด้วย “วาทะแห่งปี” คือ …
“อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร”
แต่คนที่จะดูเป็นเดือดเป็นร้อน และออกมาโวยวายคงหนีไม่พ้นผู้นำประเทศของเราอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะตลอดที่ดำรงตำแหน่งไม่เคยเจอการตั้งฉายา แต่ในครั้งนี้ทำเอาเจ้าตัวโมโหสื่อมวลชนทำเนียบฯอยู่ไม่น้อย
หลังจากที่ฉายารัฐบาลออกเผยแพร่สู่สาธารณะชนนั้น นักข่าวก็ไปถามเจ้าตัวทันที แต่ด้วยบุคลิกของพล.อ.ประยุทธ์ ก็กล่าวแบบปัดๆเพียงสั้นๆว่า ก็สร้างสรรค์ดี แต่เมื่อนักข่าวถามอีกครั้งก็ทำเอาพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้านิ่งไม่พอใจกับฉายาของตนเองเหมือนกัน
แต่ก็ไม่หยุดความโกรธของพล.อ.ประยุทธ์ได้ เพราะด้วยบุคลิกหากมีความในใจอะไรก็ต้องระบายเสมอ ในวันเดียวกันนั้น ระหว่างพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2562 พล.อ.ประยุทธ์ หลุดพูดออกมาว่า “วันนี้บางคนสนใจ และถามตนว่ารู้สึกอย่างไรกับการตั้งฉายารัฐบาลและฉายานายกฯ ตนไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือดีใจ อยากตั้งอะไรก็ตั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องตลกและเรื่องล้อเล่นในการทำงานของพวกเรา ไม่เช่นนั้นก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะทำไปแล้วก็ตั้งกันเป็นแบบนี้”
ทำเอานักข่าวถึงกับงง? อยู่ดีๆก็พูดออกมาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ถามทั้งวัน
เนื่องด้วยนิสัยของตัวพล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยเป็นอดีตนายทหารเก่า โดยปกติพื้นฐานมีนิสัยหงุดหงิดและฉุนเฉียวค่อนข้างง่ายอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่ออกมาพูดแบบนี้ แต่พล.อ.ประยุทธ์เองก็เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เพราะต่อมาในวันรุ่งขึ้นก็พูดคุยกับนักข่าวปกติ
เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงรู้สึกท้อแท้ เพราะที่ผ่านมาทำงานมาโดยตลอด แต่กลับถูกด่าท้อและเสียดสีแบบนี้ ซึ่งต้องเข้าใจว่าการที่มายืนอยู่ตรงจุดนี้ คือเป็นคนของประชาชนย่อมถูกด่าเป็นธรรมดา
ส่วนคนที่รู้สึกพอใจและไม่ได้โกรธก็มีอยู่หลายคน เช่น นายวราวุธ ที่มองว่า ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจและจะมุ่งมั่นทำงานต่อไป และน.ส.มนัญญา ก็หัวเราะติดตลกกับเรื่องนี้
ที่ผ่านมาในหลายรัฐบาล การตั้งฉายารัฐบาลเช่นนี้ เป็นเรื่องปกติและธรรมดาอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่ารัฐบาล นายชวน หลีกภัย ไม่ว่ารัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร หรือรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในบางปีก็มีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงไปแทงใจดำไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีใครถือโทษโกรธแค้น หรือถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพราะรัฐบาลที่มาจากประชาชนย่อมมีความอดทนต่อแรงเสียดทาน
แต่ปีนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ที่สื่อมวลชนจะได้สะท้อนภาพรัฐบาลและบุคลิกของรัฐมนตรีแต่ละคน แต่ก็ไม่ได้มุ่งร้าย อาฆาตแค้นเป็นการส่วนตัว หากแต่ต้องการยั่วล้อตามข้อเท็จจริงเป็นเสียส่วนใหญ่
อีกทั้งที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีองค์กร กระบวนการ ตลอดจนกฎหมายและคำสั่งต่างๆ คอยเอื้อเกื้อหนุน ยากต่อการตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ แถมยังมีการจับกุมและดำเนินคดีกับประชาชนผู้เห็นต่างจำนวนมากอีกต่างหาก
อย่างไรก็ตาม ฉายาที่ออกมาเป็นเพียงสีสันทางการเมืองเท่านั้น และเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น แน่นอนว่าเมื่อฉายาถูกเผยแพร่ออกไป ย่อมมีทั้งคนถูกใจและไม่ถูกใจ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
แต่ดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่คุ้นชินกับบทบาทใหม่ นั่นก็คือ บทบาทของนักการเมือง และเป็นเรื่องแปลกสำหรับรัฐบาลมาจากรัฐประหาร เพราะรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ย่อมไม่คุ้นกับบรรยากาศแบบประชาธิปไตย และไม่ชอบการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ชอบการเสียดสี เหน็บแนม
นี่เปรียบเสมือน การส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แก่พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทุกคน เพื่อเป็นกระตุ้นการทำงานในปีหน้า นอกจากนี้ ยังเป็นศักดิ์ศรีในวิชาชีพสื่อมวลชน ที่ต้องดำรงไว้โดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจใดๆด้วย
