พรรคการเมืองน้องใหม่ในสนามการเมือง อย่างพรรคอนาคตใหม่เป็นอันต้องสิ้นสุดการเดินทางมาตลอดระยะเวลา 507 วัน หรือ 1 ปี 4 เดือน 18 วัน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิคณะกรรมการบริหารพรรค ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ณ วันที่มีการทำสัญญากู้เงินคือ วันที่ 2 มกราคม 2562 และ 11 เมษายน 2562 เป็นระยะเวลา 10 ปี สืบเนื่องจากคดีความผิดกรณีที่พรรคกู้เงินจากนายธนาธร เป็นเงินทั้งสิ้น 191,200,000 บาท เพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ขอหยิบยกคำพูดของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ที่มักเปรียบเสมอเปรยอยู่เสมอว่า พรรคอนาคตใหม่ คือ ผู้คนและการเดินทาง แต่ในวันนี้พาหนะในการเดินทางที่ชื่อว่า “อนาคตใหม่” คงไม่ได้นำพาผู้คนไปสู่ความประชาธิปไตยตามที่วาดฝันแล้ว และทำให้มวลชนหลาย ๆ คนผิดหวังไปตามกัน
แต่ความผิดในคดีนี้หากหยิบยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พบว่ามีข้อพิรุธจากบัญชีรายรับรายจ่ายของพรรค เพราะรายได้รวมของพรรคเมื่อปี 2561 แจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พรรคมีรายได้รวม 71.1 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายรวม 72.6 ล้านบาท สรุปมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ 1.4 ล้านบาท แต่กลับไปกู้เงินถึง 191.2 ล้านบาท จากนายธนาธรถึง 2 สัญญา ซึ่งพรรคได้ใช้หนี้ด้วยเงินสดถึง 14 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่เพิ่งทำสัญญากู้เงินฉบับแรกได้เพียง 2 วันเท่านั้น
ส่วนที่เคยอ้าง ๆ กันว่าตลอดว่า “เงินกู้ไม่ใช่รายได้” สรุปศาลรัฐธรรมนูญฟันเปรี้ยง!ออกมา…ทำเอาอนาคตใหม่หลายคนหงายเงิบว่า “เงินกู้แม้ไม่ได้เป็นรายได้ แต่ก็เป็นรายรับและเงินทางการเมือง” หากตีความว่าเงินกู้คือรายได้ ก็แสดงว่าไม่มีความผิด แต่ศาลระบุว่า “เงินกู้เป็นรายรับ” ซึ่งตามหลักกฎหมายระบุว่า รายได้ของพรรคการเมืองกำหนดไว้ชัดเจนต้องมาจากแหล่งใด แม้ไม่ได้ห้ามพรรคการเมืองกู้ยืมเงิน แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าให้กระทำได้ และพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย
ดังนั้นการดำเนินการเกี่ยวกับการได้มาและการใช้จ่าย เพี่อดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง จึงได้ทำได้ภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น อีกทั้งเป็นการเข้าข่ายให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมืองโดยมิชอบด้วยกฏหมาย เพราะการปล่อยกู้ครั้งนี้คิดอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้า ถือเป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมืองที่คำนวณเป็นเงินได้
แน่นอนว่า คณะกรรมการบริหารพรรคทั้ง 16 คน ต้องเจอวิบากกรรมอย่างหนักเปรียบเสมือนโดนติดคุกทางการเมือง แต่ส.ส.ที่เหลืออยู่อีก 65 คน จะทำอย่างไรนั้น เบื้องต้นส.ส.เหล่านี้ต้องหาสังกัดพรรคใหม่ภายใน 60 วัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ จะไปอยู่พรรคไหน? พรรคสำรองหรือไม่? ไม่มีใครรู้… คงต้องรอความชัดเจนเร็ว ๆ นี้จากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนนี้แหละ
เส้นทางต่อจากนี้ นายธนาธร ประกาศลั่นวาจาแล้วว่า จะจัดตั้งคณะอนาคตใหม่และมูลนิธิ เพื่อรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต้องการทำงานการเมืองต่อ โดยมีวัตถุประสงค์กลับไปเมื่อตั้งอนาคตใหม่ครั้งแรก ซึ่งมีภารกิจแรกของคณะอนาคตใหม่ คือ วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาฯ หลังจากนี้เชื่อว่าจะต้องมีการเคลื่อนไหวทั่วประเทศของคณะอนาคตใหม่นี้อีกแน่นอน
ส่วนจะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายกังวลหรือไม่ว่า อนาคตใหม่จะนำมวลชนลงถนน ขณะนี้จากท่าทีของนายธนาธร ยังไม่มีพฤติการณ์ที่ส่อให้เกิดการปลุกระดมมวลชนลงถนนในช่วงนี้ แต่ในอนาคตก็อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน เพราะมวลชนต่างมีความพร้อมลงถนนอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่พรรคการเมืองอื่น ๆ คงผวากันบ้าง เพราะการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนี้ เป็นตัวบ่งบอกว่า พรรคการเมืองกู้เงินคือมีความผิด คงต้องติดตามกันว่าทั้ง 18 พรรคการเมืองที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการกกต. ออกมาแฉเรื่องนี้ไว้ผลจะออกมารูปแบบเดียวกับเคสของพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
ท้ายสุด บทเรียนนี้เป็นเหมือนข้อสอบให้กับพรรคการเมืองน้องใหม่ที่จะลงสู่สนามการเมืองพึงระลึกไว้ว่า สิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ ที่อาจจะขัดต่อกฎหมาย เพราะผลกระทบจากการกระผิดมันร้ายแรงกับตัวนักการเมืองหรือพรรคการเมืองนั้น ๆ เป็นอย่างมาก