ดราม่าเรื่องการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 และการขาดแคลนหน้ากากอนามัย โผล่ขึ้นมาฟ้องการทำงานของรัฐบาลอยู่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเหลืออดหมดความอดทนกับการทำงานของรัฐบาลที่นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จนมีข้อความในกลุ่มไลน์ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ส่งต่อกันภายในด้วยคำที่รุนแรงว่า “ให้หยุดพายเรือให้โจรนั่ง” ขณะที่ “บิ๊กตู่” หลุดคำพูดออกมาว่า “ก็ถอนไปสิ” ก่อนที่จะออกมายอมรับว่า “ปากไวไปหน่อย” พร้อมขอโทษขอโพยกันเสียยกใหญ่
ด้วยอิทธิฤทธิ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ทำให้รัฐบาลชุดนี้กลายเป็นรัฐบาลผสมมากถึง 19 พรรค การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี เป็นไปตามสูตรคณิตศาสตร์ จัดตามจำนวนส.ส.ที่แต่พรรคร่วมรัฐบาลได้
เราจึงเห็นการเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคต่าง ๆ จนกลายเป็นศึกสามก๊ก-รักสามเศร้าขึ้นมา ส่งผลให้กลายเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเอกภาพในการทำงาน เปรียบเทียบง่ายๆ คือ ต่างคนต่างทำเพื่อภาพลักษณ์ของพรรคเป็นสำคัญ
หากลองพิจารณาผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ผ่านทางรัฐมนตรีของพรรคในรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่ค่อยมีผลงานที่ค่อนข้างเด่นชัด โดยเฉพาะเรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ โดนสังคมด่าอยู่ไม่เว้นวัน
แม้ว่าจะพยายามเร่งการผลิต จัดสรรปันส่วนให้บุคลากรทางการแพทย์และร้านจำหน่าย รวมถึงการกำหนดราคากลางของหน้ากากอนามัยไว้ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น แต่ก็ยังมีข่าวการกักตุนหน้ากากอนามัยและการขายเกินราคาอยู่เรื่อย ๆ จนส่งผลกระทบต่อนักการเมืองที่ถูกพาดพิงในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เช่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มีกระแสข่าวว่าคนติดตามมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย
หากพิจารณากันให้ลึกลงไปอีกส.ส.พวกที่มีท่าทีไม่ร่วมหัวจนท้ายกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ในสายหรือเคยสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และเป็นคนละกลุ่มอำนาจในพรรคเวลานี้
แน่นอนว่าพรรคการเมือง คือ กลุ่มที่มีบุคคลรวมอยู่เป็นจำนวนมาก และสิ่งที่สำคัญคือ หลักการประชาธิปไตย ในการเคารพความเห็นต่างทั้งเสียงส่วนน้อยและเสียงส่วนใหญ่ จึงไม่แปลกที่จะมีส.ส.บางส่วนออกมายืนยันว่า ยังคงสนุบสนุน “บิ๊กตู่” และยังอยู่เป็นส่วนหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล
แต่ทั้งหมดทั้งมวล ในเรื่องนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเสียก่อนว่าจะมีท่าทีหลังจากนี้อย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีการมองไปอีกสเต็ปว่าการเคลื่อนไหวของส.ส.ประชาธิปัตย์กลุ่มนี้ อาจจะเป็นการเล่นเกมเพื่อเกลี่ยเก้าอี้กันใหม่ในพรรคเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาว่าภาพรวมเวลานี้ ผลงานของรัฐมนตรีในโควตาของพรรคประชาธิปัตย์ มีผลงานโดดเด่นแค่ไหน และหากมีการตัดสินใจถอนตัวจากรัฐบาลจริง จะทำให้ภาพของพรรคประชาธิปัตย์มีภาพเป็นบวกได้หรือไม่
ทั้งนี้ หากดูจากครม.ประยุทธ์ 2 ส่วนใหญ่ยังขาดคนที่มีองค์ความรู้เฉพาะ เพื่อมาแก้ไขปัญหา มีแต่เพียงคนเข้ามาบริหารจัดการ โดยมีนักการเมืองเป็นมือประสาน
แต่รัฐบาลผสม 19 พรรค ก็ยากจะดึงมาร่วมงาน เพราะแค่เกลี่ยให้พรรคร่วม ก็เต็มโควต้า 35 คนแล้ว ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ยังออกฤทธิ์ต่อเนื่อง หากจะแก้ปัญหา ก็ต้อง แก้รัฐธรรมนูญ