“คนที่โทรผิดมาเมื่อวานตอนเช้า คนที่นั่งกินข้าวติดกันเมื่อคืน คนที่ยิ้มให้กันตรงหน้าปากซอย ใช่หรือเปล่า ใช่หรือเปล่า” เพลงฮิตจาก โควิด เฟสแรกกำลังจะกลับมาฮอตฮิตอีกครั้ง หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบที่ 2 กระจายไปในหลายพื้นที่ ทำให้หลายคนเกิดอาการแพนิคว่า เอ๊ะฉันติดหรือเปล่า ฉันเป็นแล้วหรือยัง จนทำให้ใช้ชีวิตลำบากไปหมด ทำอะไร จะไปไหนก็กังวลว่าจะติดเชื้อ
จริงๆ แล้วอาการของ โควิด-19 มีอาการที่ใกล้เคียงกับ ไข้หวัดและภูมิแพ้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถแยกได้เลยว่าสรุปแล้ว เรากำลังเป็นโรคอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงสาเหตุของไข้หวัดและโควิด ก็จะแตกต่างกันตั้งแต่เชื้อไวรัสที่ได้รับเข้ามาเลย โดยไข้หวัดธรรมดา มักเกิดจากเชื้อไวรัสไรโนไวรัส (Rhinovirus) 30-80% เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคกับจมูก คือหวัดธรรมดา และไวรัสอีกชนิดที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดคือ โคโรนาไวรัส (Coronavirus) 10-15% แต่เป็นไวรัสโคโรนาที่ค้นพบ และมีมานานแล้ว โดยมีการพบเชื้อไวรัสโคโรนาที่ติดต่อในมนุษย์แล้ว 6 สายพันธุ์
ส่วนโรค COVID-19 เกิดจาก ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งทำให้มีอาการปอดอักเสบรุนแรงได้ โดยเป็นเชื้อไวรัสที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ นับเป็นสายพันธุ์ที่ 7 ของไวรัสโคโรนาที่ติดต่อในมนุษย์
เปิดรายละเอียด ไม่ล็อกดาวน์ แบ่งโซนสีโควิด ห้าม-ทำอะไรได้บ้าง
อาการของโรค ไข้หวัดธรรมดา
- มีไข้ต่ำๆ ถึงมีไข้สูง ผ่านไป 3-4 วัน อาการจะเริ่มดีขึ้น
- อาจมีไอ จาม เล็กน้อย ผ่านไป 3-4 วัน อาการจะเริ่มดีขึ้น
- ไม่มีอาการท้องเสีย
- น้ำมูกไหล มีอาการคัดจมูก ทำให้หายใจไม่สะดวก
- ปวดตามตัว รู้สึกอ่อนเพลีย
อาการของโรค ไวรัส COVID-19
- มีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา
- ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ นานติดต่อกันมากกว่า 4 วัน
- บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียร่วมด้วย
- หายใจลำบากมีไอร่วมด้วย ในบางรายรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบ หรือปอดบวม
- ปวดเมื่อยตามตัว ทานอาหารไม่ค่อยได้
และทั้งสองโรคนี้ก็มีความรุนแรงที่ต่างกันโรคโควิดนั้นส่วนใหญ่แล้วความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละรายจะมีการแสดงอาการที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่คิดเป็น 80% จะแสดงอาการค่อนข้างน้อย มีอาการเหมือนไข้หวัดทั่วไป ซึ่งสามารถหายเองได้ 20% จะมีอาการรุนแรง เกิดการติดเชื้อที่ปอด และเกิดอาการปอดอักเสบ
พิชัย ซัดฝ่ายความมั่นคงต้องรับผิดชอบ! ทำโควิดระบาด โอดรอวัคซีนถึงปลายปีหน้า!
ยอดรายวันเพิ่มสูงขึ้น! เกาหลีใต้ ตัวเลขป่วย โควิด19 เพิ่มถึง 1,092 ราย
ถึงจะสามารถหายไปเองได้และแสดงอาการเหมือนกับไข้หวัดธรรมดา แต่สำหรับบางคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอมีอาการ ไข้สูงมากกว่า 37.5 องศา ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ควรรีบมาพบแพทย์ด่วน
สำหรับผู้ที่มีอาการน้ำมูกไหล จาม คันในจมูก คัดจมูก หรือมีอาการหายใจติดขัดจนต้องอ้าปากหายใจ มีเสมหะไหลลงคอ ไม่มีไข้ บางครั้งคันตา มีอาการเรื้อรังเป็นๆ หายๆ มักเป็นในช่วงเช้าและกลางคืน อาจเป็นโรค ภูมิแพ้อากาศ ได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เต็มไปด้วยฝุ่นละอองทำให้หลายๆ คนปรับตัวตามสภาพอากาศไม่ทันจนเกิดอากาศภูมิแพ้หรือแม้แต่ไข้หวัด ก็ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือ ด้วยการออกกำลังกาย ทานหารที่มีประโยชน์และหมั่นดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ สำหรับการรับมือทุกสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ