เหตุการณ์ สังหารหมู่ธรรมศาสตร์ หรือที่รู้จักกันในนาม 6 ตุลา ในหน้าประวัติศาสตร์อันขมขื่น จำไม่ได้ลืมไม่ลงอีกเหตุการณ์หนึ่งของประเทศไทย การสังหารหมู่ธรรมศาสตร์เป็นการปราบปรามการชุมนุมในรั้วมหาลัยด้วยวิธีการอันโหดร้ายอย่างถึงที่สุด สื่อมวลชนโหมกระหน่ำข่าว “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” จากกรณีการแสดงละครล้อกรณีฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้านครปฐม ผลักให้นักศึกษาเป็นฝ่ายตรงข้ามที่ต้องกำจัด รัฐปิดล้อมมหาลัยใช้อาวุธสงครามปราบปรามนัศึกษาที่มีเพียงไมค์โครโฟนเป็นอาวุธในการต่อสู้เท่านั้น
6 ตุลา 2519 เกิดอะไรขึ้นที่ ธรรมศาสตร์?
6 ตุลาคม 2519 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง นักศึกษารวมตัวกันเดินขบวนและยึดพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประท้วงต่อต้านการเดินทางกลับประเทศของจอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2519 ในวันนั้นมีนักศึกษาอยู่ในรั้วมหาลัยกว่า 4,000 คน
ตำรวจปิดทางเข้าออกมหาวิทยาลัยไว้ทุกด้านตั้งแต่เวลาดึก ระหว่างเวลา 5.30–11.00 น. ตำรวจเปิดฉากใช้อาวุธสงครามหลายชนิดทั้งปืน เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนต่อสู้รถถังและระเบิดมือเข้าปราบปรามผู้ประท้วง พลตำรวจโท ชุมพล โลหะชาละ รองอธิบดีกรมตำรวจ อนุญาตให้ยิงเสรี เกิดการยิงปะทะระหว่างสองฝ่ายช่วงสั้น ๆ ก่อนผู้ประท้วงเป็นฝ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว เป็นการใช้กำลังเกิดกว่าเหตุและขาดความชอบธรรม
ในเหตุการณ์ที่นิตยสาร ไทม์ เรียกว่า “ฝันร้ายของการลงประชาทัณฑ์และการเผา” นักศึกษาที่ยอมจำนนแล้วและที่กำลังหลบหนีกระสุนถูกทำร้ายร่างกาย ปล้นชิงทรัพย์สิน ล่วงละเมิดทางเพศ ถูกยิง เผาทั้งเป็น และทุบตีจนตาย ส่วนศพถูกทำลายและเผา ผู้ประท้วง 3,094 คนถูกจับ ส่วนผู้ลงมือคือ คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองที่มีพลเรือเอก สงัด ชลออยู่เป็นหัวหน้าคณะ และยึดอำนาจในเวลา 18.00 น. โดยอ้างเหตุนักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมีอาวุธหนัก
ทำไมนักศึกษาถึงต้องออกมาชุมนุม?
ขณะนั้นมีกระแสข่าวว่า จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี หนึ่งใน “สามทรราช” เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลในเหตุการณ์ 14 ตุลา ปี 2516 ที่ใช้อาวุธสงครามปราบปรามนักศึกษาที่เรียกร้องรัฐธรรมนูญ จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังเดินทางออกจากประเทศไทยไปเนื่องจากการปราบปรามเมื่อครั้งเหตุการณ์ 14 ตุลา ผนวกกับปัญหาเศรษฐกิจที่ชงักงันของประเทศขณะนั้น ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) จัดการชุมนุมหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ ร่วมกับสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงาน (Federation of Trade Unions) เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม
ช่วงบ่ายวันที่ 4 ตุลาคม ชมรมศิลปการแสดงของธรรมศาสตร์จัดแสดงละครรำลึกถึงเหตุการฆ่าคนดังกล่าวที่ลานโพ แล้วในช่วงบ่ายเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ก่อนย้ายเข้าสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ในช่วงค่ำ วันที่ 5 ตุลาคม มีการชุมนุมประท้วงในอีกหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา สงขลา เป็นต้น วันเดียวกันมีหนังสือพิมพ์กรุงเทพมหานครสองฉบับ ได้แก่ บางกอกโพสต์ และ ดาวสยาม ลงภาพการแสดงล้อการแขวนคอ สำหรับ ดาวสยาม ลงข่าวว่านักศึกษาที่แสดงเป็นเหยื่อ (วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์และอภินันท์ บัวหภักดี) มีใบหน้าคล้ายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารที่เพิ่งเสด็จฯ กลับประเทศจากประเทศออสเตรเลียในวันที่ 1 ตุลาคม 2519 ผู้ประท้วงจึงถูกกล่าวหาว่าแขวนคอรูปจำลองพระบรมวงศานุวงศ์ บางคนมองว่ามีการตกแต่งภาพให้นักศึกษาดูเหมือนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารมากขึ้น แต่สำเนาทุกฉบับที่ยังเหลืออยู่เป็นภาพเดียวกัน จากนั้น สถานีวิทยุยานเกราะของกองทัพบก นำโดย พันโท อุทาร สนิทวงศ์ ณ อยุทธยา กล่าวหาว่านักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และประกาศให้ “ฆ่ามัน” และ “ฆ่าพวกคอมมิวนิสต์”
ทำไมจึงมีคำสั่งสังหารนักศึกษา?
1.นักศึกษาเล่นละครหมิ่นพระบรมเดชานุภาพผลการค้นหาพระบรมวงศานุวงศ์
2.นักศึกษาชุมนุมและสะสมอาวุธในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อก่อกบฏ
3.ตำรวจควบคุมสถานการณ์ระหว่างสองฝ่ายไว้ไม่ได้
4.นักศึกษาฉวยโอกาสเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์อันมีวัตถุประสงค์ทำลายชาติ