จากฟอร์ม ลิเวอร์พูล ที่ออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงทำให้ความรู้สึกตอนนี้ของผมในฐานะสาวกเดอะค็อปเต็มขั้นรู้สึกเลือดลมสูบฉีดในหัวใจมากมายจริงๆครับ
เพราะด้วยผลงานปัจจุบันการคว้าชัยชนะ 6 นัดรวด นับแต่นัดแรกในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019-2020 เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมและเหนือจินตนาการสุดๆ
จากความผิดหวังมากมายในครั้งก่อนหน้านั้น คำว่าแชมป์ของหงส์แดงภายใต้การนำทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือสไตล์ชาวร็อค ต้องยอมรับว่าเปรียบดั่งเส้นขนาน ก่อนที่การรอคอยอันยาวนานจะมาสิ้นสุดกับการสัมผัสแชมป์ถ้วยใบแรก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018-2019
จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเป็นก้าวแรกของนิยามความสำเร็จอีกขั้นที่เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเสกให้กับลิเวอร์พูล แบบต่อเนื่อง เพราะถัดจากนั้นลิเวอร์พูลก็ก้าวไปชูโทรฟี่แชมป์ซูเปอร์คัพ 2019 ได้อีกใบ เรียกขวัญกำลังใจให้พลพรรคหงส์แดง เพิ่มขึ้นอีกเป็นเงาตามตัว
อย่างไรก็ดีแม้เส้นทางลิเวอร์พูล กำลังจะไปได้สวยในเส้นทางดงแข้งลีกผู้ดี แต่อีกเรื่องที่น่ากังวลไม่น้อยก็คงจะเป็นเรื่องขุมกำลัง ที่ยังมีเรื่องการยืนระยะความฟิตให้คอยกังวล เพราะย้อนกลับไปช่วงต้นซีซั่นก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ ลิเวอร์พูล แทบไม่เสริมนักเตะระดับสตาร์
เข้ามาจอยในถิ่นแอนฟิลด์เลย มีเพียงข่าวฮือฮาที่จะคว้าคนโน้นคนนี้ เข้ามาก็เท่านั้น มิหนำซ้ำข่าวเกาเหลามาเน่ – ซาลาห์ ยังเป็นเรื่องที่อาจสร้างแรงกระเพื่อมจุดเริ่มของรอยร้าว
แต่ในเมื่อคล็อปป์ ออกมาการันตีและให้ข่าวยุติดรามาสองสตาร์ของทีม ก็ยังทำให้พอให้มั่นใจได้ว่า สปิริตทีมยังดีและน่าจะรวมพลังกันไปต่อได้ ไหนจะเรื่องอาการบาดเจ็บของโกล์มือ1 อลีสซง ที่ดันดวงแตกมาเจ็บตั้งแต่นัดแรกเกมเปิดสนาม ก็ยิ่งทำให้กังวลไปใหญ่ ว่าใครจะมาแทน
แม้จะมั่นใจว่าแผงหลังที่มีอยู่ของลิเวอร์พูลจะโชว์ฟอร์มดี การันตีระดับกองหลังยอดเยี่ยมยูฟ่าอย่าง เวอร์ จิล ฟาน ไดค์ แต่การขาดหายไปของ อลีสซง ก็อดทำให้เป็นห่วงไม่ได้ครับ ว่าใครจะดีพอมาแทนที่ อลีสซง ได้ก่อนที่ อาเดรียน จะไม่ทำให้ผิดหวัง แม้จะมีจังหวะเฟอะฟะไปบ้าง แต่ภาพรวมก็ถือว่าโอเคสอบผ่านครับในสายตาผม
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ผมถือว่าลงตัวตัวครับไล่ไปตั้งแต่หลัง- กลาง- หน้า โดยเฉพาะพื้นที่สุดท้ายนแผงแนวรุก ทุกคนมีจังหวะจบที่เฉียบคมและอันตราย และเล่นได้นิ่งมาก ทั้ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ , ซาดิโอ มาเน และ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน ที่เข้าขารู้ใจกันดีทีเดียว เช่นเดียวกับเจ้าหนูแบ็กขวาดาวรุ่งอย่าง เทรนต์ อาร์โนลด์ ที่ยกระดับฝีเท้าก้าวขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น ไม่แปลกใจทำไมจึงมีข่าวบาร์เซโลนา สนใจดึงร่วมทัพ เรียกว่าทุกตำแหน่งเข้าฟอร์ม เข้าฝัก
แต่ถึงอย่างไรก็เร็วเกินไปที่จะฟันธงและมองว่าลิเวอร์พูล จะก้าวถึงแชมป์ลีกได้สักทีหลังจากรอคอยมายาวนานร่วมๆ20 กว่าปี เพราะการแข่งขันเพิ่งเริ่มออกสตาร์ท ดังนั้นการคว้าชัยชนะ 6 นัดรวด เก็บได้ 18 คะแนน จึงเปรียบเสมือนก้าวแรก ของลิเวอร์พูลเท่านั้น เพราะในฤดูกาลนี้ ยังมีบททดสอบอีกมากมาย
เช่นเดียวกับทุกปีที่ผ่านมา และที่สำคัญลูกทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังต้องเจอทีมระดับท็อปซิกส์อีกในตารางโปรแกรม ทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มเริ่มกลับมาดีคืน แถมพลังถล่มประตูยังดุดันไม่เปลี่ยน แต่ยังดีที่เรือใบพันล้าน ฤดูกาลนี้แนวรับ ดูไม่เหนียวเหมือนก่อน ยังมีจังหวะที่พร้อมเสียประตูได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคู่ปรับสำคัญเบอร์1 แม้ฟอร์มจะดูไม่ลงตัว แต่ขึ้นชื่อว่า “แดงเดือด” ทุกอย่างเริ่มนับหนึ่งหมด ไม่ว่าใครจะฟอร์มดีมาอย่างไร ผลการแข่งขันจะร้อนแรงแค่ไหน แต่เมื่อมาเจอกัน ทุกอย่างถือว่ารีสตาร์ทใหม่หมด
ก้าวแรก ที่ท้าทายของลิเวอร์พูล กำลังจะเจอบทพิสูจน์อย่างแท้จริงในอีกไม่นานครับ.
เขียนโดย ยอดี้