ธรรมชาติรุกคืบการ ‘เอาคืน’ ให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เลยนะคะ โดยล่าสุดมีการเตือนอย่างชัดเจนว่าธารน้ำแข็งบนหลังคาของโลกอย่างเทือกเขาหิมาลัยกำลังละลายแล้วค่ะ
โดยมีการวิจัยพบว่าธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัยจำนวนมากจะละลายแม้ว่าจะมีการดำเนินการตามตามข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับความพยายามในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกแล้วก็ตาม ซึ่งคาดว่าการละลายดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเอเชีย โดยจะมีการขัดขวางการไหลของแม่น้ำในประเทศจีนและอินเดีย และการละลายของธารน้ำแข็งซึ่งเป็นทางนำไปสู่ 10 ระบบแม่น้ำที่สำคัญที่สุดของโลกจะส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร พลังงาน รวมถึงภาวะมลพิษ
ทั้งนี้ การศึกษา 5 ปีโดยศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาภูเขาแบบบูรณาการ (ICIMOD) รายงานว่า ตามแนวทางในปัจจุบันที่ยังดำเนินอยู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะนำไปสู่อุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น 5 องศาภายในช่วงของการเปลี่ยนศตวรรษที่กำลังใกล้เข้ามา โดยนักวิทยาศาสตร์เตือนว่าพื้นที่ 2 ใน 3 ของ “เสาที่สาม” ของโลก (หิมาลัย) จะหายไปภายในปี 2100 หากไม่สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
การละลายของธารน้ำแข็งนี้จะมีผลอย่างมากต่อระบบนิเวศในแถบ ‘ฮินดู กูช ฮิมาลายา’ (Hindu Kush Himalaya: HKH) พื้นที่ภูเขาซึ่งครอบคลุม 8 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ ภูฏาน จีน อินเดีย พม่า เนปาล และปากีสถาน อันเป็นที่ตั้งของ ‘Mount Everest’ และ ‘K2’ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังเป็นที่อยู่อาศัยของประชากร 250 ล้านคน และส่งผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมกับผู้คน 1.65 พันล้านคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ด้านล่าง
Philippus Wester จาก ICIMOD เผยว่าภาวะโลกร้อนจะเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น ‘bare rocks’ เขากล่าวว่า “นี่คือวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ภาวะโลกร้อนกำลังจะเปลี่ยนยอดภูเขาน้ำแข็งที่ปกคลุมไปด้วยธารน้ำแข็งของ KHK ซึ่งตัดข้าม 8 ประเทศไปสู่ bare rocks ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งศตวรรษ”
อ้อ… ตามรายงานมีการคาดการร์ด้วยนะคะว่าประเทศในแถบนี้จะต้องใช้เงินหลายพันล้านยูโรต่อปีเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่กำลังเกิดขึ้น
ที่มา: www.dw.com
อ่านบทความไลฟ์สไตล์อื่นๆ คลิก
ติดตามข่าวอื่นที่คุณสนใจ คลิก