นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงกรณีที่สาวไทยขายบริการทางเพศที่ไตหวัน ถูกตรวจพบมีเชื้อ HIV และถูกส่งกลับประเทศไทย ว่า สิ่งที่สังคมไทยควรทำในตอนนี้ คือ การใช้ถุงยางอนามัย เพราะการที่จะไปไล่ตามว่า เคสแบบนี้ทีละคนก็คงไม่ได้ ดังนั้นข่าวนี้จะเป็นประโยชน์ คือการมีเพศสัมพันธ์ ที่ปลอดภัยการใช้ถุงยาง เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเอง
และใครก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยง ซึ่งไม่ต้องไปเจาะจงว่าไปนอนกับผู้หญิงคนนี้ แต่ใครก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ถุงยางอนามัยไม่ว่าซื้อบริการ หรือ มีเพศสัมพันธ์ แบบปกติในคู่รัก หรือแบบแฟน ถ้าไม่ได้ใช่ถุงยางต้องไปกรุณาไปตรวจเลือด โดยประเทศให้สิทธิ์ในการตรวจหาเชื้อ HIV ปีละ 2ครั้ง ซึ่ง เรา ต้องทำให้เป็นเรื่องทั่วไป และต้องให้เห็นความสำคัญ
คุณนิมิตร์ บอกว่า หากว่าผู้หญิงที่อาจจะรู้ตัวว่าตนเองนั้นมีเชื้อ HIV แต่ไม่ได้บอก หรือไม่กล้าที่จะบอก หรือไม้รู้ตัว ถ้าเธอ คนนั้นเป็นผู้หญิงคนนี้ขายบริการ แล้วให้ผู้ชายที่ซื้อบริการใส่ถุงยางก่อนมีเพศสัมพันธ์ เรื่องมันก็จะจบ
โดยจากผลสำรวจผู้หญิงขายบริการทุกครั้ง พบว่า ผู้ชายใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์กว่า 90% แล้ว และกว่า 30ปี ประเทศไทย ผ่านโรคเอดส์มาแล้ว พฤติกรรมการซื้อบริการทางเพศเปลี่ยนไปเยอะโดยใช้ถุงยางสูงมาก ดังนั้นการใช้ถุงยาง ก็คือความปลอดภัย เพียง แต่เราไปจินตนากร ว่า การซื้อขายบริการเป็นเรื่องแพร่เอดส์ ตั้งใจแพร่เชื้อ HIV ไม่อยากให้ไปเจาะจงแบบนั้น แต่อยากให้ตระหนักถึงการใช้ถุงยางเพื่อความปลอดภัยจะดีกว่า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ไต้หวันรวบสาวขายตัวผ่านไลน์ เจอเชื้อ HIV เร่งตามตัวลูกค้าหนุ่ม