รายงาน : เปิดแรงเสียดทาน “เศรษฐกิจใหม่” เกมบีบร่วม–ไม่ร่วม “รัฐบาล” เดิมพันสุดท้าย “มิ่งขวัญ”
กลายเป็นประเด็นร้อนถึงพรรค “เศรษฐกิจใหม่” ขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อน.ส.อุลัยพร ไตรวงศ์ย้อย ผู้สมัครส.ส. เขต 5 จ.สกลนคร พรรคเศษฐกิจใหม่ เข้ายื่นคำร้องถึงสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ตรวจสอบการทำงานของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์“ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่และกรรมการบริหารพรรค ภายหลังเชื่อว่ามีนักธุรกิจรายหนึ่งเข้า “ครอบงำ” แนวทางบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ให้กับ “มิ่งขวัญ“ จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบ หากพบเข้าข่ายผิดจริงขอให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณายุบพรรคทันที

เป็นการเคลื่อนไหวที่ใครจะเชื่อว่าการเมืองไทยวันนี้จะได้เห็นการยื่น “ยุบพรรค” ตัวเอง ตอกย้ำกระแสข่าวภายในพรรคเศรษฐกิจใหม่อยู่ในสภาวะ “ไม่ลงรอย“ ท่ามกลางช่วงการเจรจา “ร่วม–ไม่ร่วม” รัฐบาลกับ “พลังประชารัฐ” เป็นการเคลื่อนไหวของคนในพรรค คล้อยหลังเพียง 5 วันเท่านั้น ที่ “มิ่งขวัญ” ออกมาร่อนคำแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊คปฏิเสธข่าวเจรจาตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ภายหลังมีกระแสออกมาว่า “พลังประชารัฐ“ ดึง “เศรษฐกิจใหม่” ร่วมงานเรียบร้อย ท่ามกลางกระแสผ่านดีลเจรจา “มือเศรษฐกิจ“ ด้วยกันอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์“ รองนายกรัฐมนตรี ไปที่ “โตวต้า” การเข้าบริหารกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกับนโยบายของพรรค “เศรษฐกิจใหม่” ที่ใช้หาเสียงทั้งสิ้น โดยเฉพาะดีลพิเศษที่ส่งไปถึงแกนนำพรรคคนอื่นๆ ที่เริ่มตัดใจทิ้ง “มิ่งขวัญ” เพื่อเตรียม “โหวต” นายกฯให้ “พลังประชารัฐ“ หรือไม่

ขณะที่แรงบีบอีกด้านจาก “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์“ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมา “ดักคอ” เชื่อมั่นในคำพูดลูกผู้ชายที่ชื่อ “มิ่งขวัญ“ มัดตัวไปที่ข้อความที่ว่า “นักการเมืองจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ได้ แต่นักการเมืองเสียสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชนไม่ได้ เพราะประวัติศาสตร์ไทยไม่เคยยอมรับนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น “แรงบีบ 2 ด้าน” ที่หนักหน่วงไปถึง “มิ่งขวัญ” ต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญ จะร่วมกับ “เพื่อไทย” หรือ “พลังประชารัฐ” ในอนาคต เพราะอีกด้านหนึ่งจะถูกบีบด้วย “คำร้องพิเศษ” ที่เสนอยุบพรรคไปถึงมือ “กกต. ” หากศาลรัฐธรรมนูยวินิจฉัยตามคำร้อง สั่งยุบพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็หมายความว่า “6 ชื่อ ปาร์ตี้ลิสต์” ของพรรค ตั้งแต่ 1.มิ่งขวัญ 2.สุภดิช อากาศฤกษ์ 3.นิยม วิวรรธนดิฐกุล 4.ภาสกร เงินเจริญกุล 5.มนูญสิวา ภิรมย์รัตน์ และ 6.มารศรี ขจรเรืองโรจน์ จะหมดอนาคตทันที

เพราะการไม่เข้าร่วมแถลงข่าว “7 พรรคพันธมิตร” ต่อการลงสัตยาบัน ต่อต้าน “คสช.” เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการส่งสัญญาณ “ประวิงเวลา“ ระหว่างการตัดสินใจของ “มิ่งขวัญ” ก่อนถึงวันที่ 9 พ.ค.ที่ กกต.จะประกาศผลออกมาหรือไม่ เพราะทุกการตัดสินใจครั้งนี้ จะมีผลต่อแกนนำทั้งพรรคที่ผ่านการลงมติผลการประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา

ที่สุดแล้วแรงเสียดทานบน “ขวากหนาม” จะมีผลต่อการตัดสินใจที่มีอนาคตทางการเมือง “เศรษฐกิจใหม่” เป็นเดิมพันครั้งสุดท้าย